Filtering by Category: Innovation

The Journey of Intrapreneurs: เส้นทางของนักนวัตกรรมจากภายใน

Added on by Surattanprawate.

The Journey of Intrapreneurs: เส้นทางของนักนวัตกรรมจากภายใน

มีคนกล่าวไว้ว่า เมื่อโลกหมุนไป มันมีเพียง 2 ทางในการดำเนินชีวิต คือ คุณจะเป็นผู้เปลี่ยนโลก หรือ รอให้โลกเปลี่ยนเรา

คำอาจดูไกลตัว แต่หากมองความเป็นจริงรอบข้าง โลกมันก็หมุนไปจริง ๆ เพียงแต่เรารู้สึกหรือเปล่า

ปัญหาในระบบสาธารณสุขที่ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลากหลาย ทั้งด้านงบประมาณที่จำกัด การขาดแคลนบุคลากร และความคาดหวังของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้น สิ่งเหล่านั้นเมื่อเวลาผ่านไป ก็คงมี solution ที่แก้ไขได้ แต่มันคงจะอีกนานทีเดียว การทำนวัตกรรม เหมือนการลอดรูหนอนออกไปยังอนาคต โดยการใช้วิธีที่ออกแบบสร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีที่ตรงจุดและรวดเร็วที่สุด

การเป็นองค์กรนวัตกรรม คือความฝันของหลาย ๆ องค์กร แต่การขยับให้มีการพัฒนานวัตกรรมในองค์กรอย่างต่อเนื่อง ก็ยังมีความท้าทาย หนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญ คือ การปลุกพลัง Intrapreneurship หรือ “ผู้ประกอบการภายในองค์กร” เพราะคำว่าองค์กร นั้นถูกขับเคลื่อนด้วยบุคลากร

บทความนี้จะเจาะลึกถึงบทบาท เส้นทาง และปัจจัยแห่งความสำเร็จของ Intrapreneurs โดยมีข้อมูลวิจัยสนับสนุน พร้อมกรณีศึกษา และแนวปฏิบัติที่สามารถปรับใช้ได้ในบริบทของสถาบันสุขภาพไทย เช่น MEDC CMU

Why Intrapreneurship Matters Now

ในอดีต แนวคิดนวัตกรรมมักถูกมองว่าเป็นหน้าที่ของ R&D หรือทีมพัฒนานวัตกรรมโดยเฉพาะ แต่ปัจจุบัน องค์กรสุขภาพชั้นนำกลับให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ “ใกล้ปัญหา” มากที่สุด เช่น แพทย์ พยาบาล นักวิจัย หรืออาจารย์ในโรงเรียนแพทย์

Harvard Business School (2020) ระบุว่า 64% ของนวัตกรรมที่นำมาใช้ได้จริงในองค์กรขนาดใหญ่ เกิดจากพนักงานภายในที่เข้าใจปัญหาดีที่สุด ไม่ใช่จากการจ้างที่ปรึกษาภายนอก

ในบริบทของโรงพยาบาลและสถาบันการแพทย์ ความสามารถในการเร่งสร้างนวัตกรรมใหม่จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็น เงื่อนไขของการอยู่รอดและสร้างความได้เปรียบเชิงระบบ

The Five-Stage Framework for Intrapreneurial Innovation in Healthcare

งานวิจัยของ Deloitte (2022) ได้สรุปขั้นตอนที่สำคัญของการพัฒนา Intrapreneurship ภายในองค์กรขนาดใหญ่ไว้ 5 ขั้นตอน ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในองค์กรสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

1. Identify Friction Points

ทุกระบบมีจุดสะดุด (friction) เช่น เวลาที่เสียไปกับการกรอกเอกสารซ้ำซ้อน ความล่าช้าในการส่งต่อผู้ป่วย หรือขั้นตอนการจัดการการเรียนการสอนที่ไม่ตอบโจทย์นักศึกษา

การวิเคราะห์จุดเหล่านี้ด้วยวิธี Service Blueprinting และ Journey Mapping ช่วยให้เรามองเห็นปัญหาเชิงระบบ มากกว่าการมองแค่ปัญหาหน้างาน

จากการศึกษาของ The King's Fund (UK), ทีมแพทย์ที่ระบุ friction ได้แม่นยำ และออกแบบแนวทางแก้ไขเชิงระบบ มีอัตราความสำเร็จในการพัฒนาโครงการมากกว่าทีมทั่วไปถึง 3.2 เท่า

2. Validate Problem-Solution Fit

การพัฒนาโครงการต้องเริ่มจากการเข้าใจว่า ผู้ใช้ปลายทาง (end users) ต้องการสิ่งที่เราคิดไว้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ร่วมงาน พยาบาล หรือแม้แต่นักศึกษาแพทย์

การใช้เครื่องมือ Design Sprint, Co-Creation Workshop, และ Early Adopter Interviews มีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงของการพัฒนาโครงการที่ไม่ตรงจุด

3. Develop the MVP (Minimum Viable Product)

แนวทางแบบ Lean Startup มีบทบาทมากในภาคสุขภาพ โดยเฉพาะในการสร้าง MVP ที่ตอบปัญหาได้จริง

ตัวอย่างเช่น:

  • แอปมือถือที่ช่วยติดตามอาการผู้ป่วยเบาหวานจากบ้าน (Remote Monitoring)

  • Dashboard ที่ช่วยอาจารย์ติดตามการส่งเวชระเบียนนักศึกษาแบบเรียลไทม์

Mayo Clinic Innovation Center พบว่า โครงการที่ใช้หลักการ MVP ก่อนพัฒนาเต็มรูปแบบ ช่วยลดต้นทุนล้มเหลวถึง 60%

4. Pilot and Iterate

การทดลองใช้ในกลุ่มเล็ก เช่น หนึ่งคลินิก หรือหนึ่งชั้นเรียน ช่วยให้ได้ข้อมูลจริงโดยไม่กระทบระบบใหญ่

Key Metrics:

  • Efficiency gained

  • User satisfaction

  • Error reduction

ควรมีการตั้งทีม “Data Monitoring” ภายใน เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและปรับปรุงโครงการอย่างต่อเนื่อง

5. Scale with Systemic Support

เมื่อโครงการผ่านการทดลองและพิสูจน์แล้วว่ามีผลกระทบที่วัดได้ ควรนำเสนอต่อผู้บริหาร พร้อมข้อมูลเชิงสถิติ (Evidence-Based Proposal)

ใน NHS UK, โครงการ Health Innovation Adoption ที่มีข้อมูล ROI ชัดเจน จะได้รับการสนับสนุนงบประมาณและขยายผลในระดับประเทศภายใน 18 เดือน

Case Studies: Healthcare Intrapreneurs in Action

กรณีที่ 1: Nurse-Led Process Redesign at a Provincial Hospital

หัวหน้าหอผู้ป่วยพัฒนาระบบ “Smart Medication Chart” เพื่อลดข้อผิดพลาดในการจ่ายยา ใช้เวลาเพียง 3 สัปดาห์ในการนำร่อง ส่งผลให้ความผิดพลาดลดลงจาก 8% เหลือ 1.4% ภายใน 2 เดือนแรก

กรณีที่ 2: Digital Teaching Dashboard at a Medical School

ทีมอาจารย์สร้าง dashboard เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพการสอนรายวิชา ทำให้สามารถปรับตารางเรียนและแนวการสอนได้แบบ agile ส่งผลให้คะแนนความพึงพอใจของนักศึกษาเพิ่มขึ้นจาก 68% เป็น 91% ภายในเทอมเดียว

Strategic Enablers of Intrapreneurship in Medical Institutions

จากงานวิจัยของ World Economic Forum (2023) พบว่าองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อน intrapreneurship ล้วนมีปัจจัยสนับสนุนร่วมกัน ได้แก่:

  1. Innovation Time Allocation: กำหนดเวลาให้บุคลากรใช้ในการพัฒนานวัตกรรม

  2. Seed Grant Program: ทุนขนาดเล็กที่เบิกใช้ได้ง่ายและรวดเร็ว

  3. Mentorship Pool: ที่ปรึกษาจากหลากหลายสาขา เช่น การแพทย์ เทคโนโลยี ธุรกิจ

  4. In-House Incubator: มีโครงสร้างสนับสนุน ตั้งแต่ legal, finance, IT จนถึงการสื่อสาร

  5. Recognition Framework: การประเมินผลงานนวัตกรรมควบคู่กับภารกิจหลัก เช่น การเรียนการสอนหรือการวิจัย

Key Takeaways

  • Intrapreneurship คือรูปแบบของนวัตกรรมที่มีความ “ยั่งยืน” มากที่สุด เพราะมาจากคนที่เข้าใจระบบจริง

  • การวัดผลอย่างเป็นระบบ และการพัฒนาด้วยหลักฐานรองรับ คือกุญแจสำคัญ

  • การพัฒนา Intrapreneurship ต้องมีทั้ง “พื้นที่” และ “วัฒนธรรม” ที่สนับสนุนในระยะยาว

Final Reflection: What Organizations Must Do Now

องค์กรสุขภาพในศตวรรษที่ 21 ไม่สามารถพึ่งพา “ผู้เชี่ยวชาญภายนอก” ได้ตลอดเวลา พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะ สร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลงจากภายใน (internal change agents) ที่กล้าเสี่ยง ทดลอง และขับเคลื่อนระบบด้วยข้อมูลจริงและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน

“เมื่อองค์กรให้ความไว้ใจ คนภายในจะกล้าใช้ศักยภาพของตนเต็มที่ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง”

Action Point สำหรับผู้อ่าน:

  • คุณเคยเห็นปัญหาที่ใครๆ มองข้ามในหน่วยงานของคุณหรือไม่?

  • คุณเคยอยากลองเปลี่ยนวิธีทำงานบางอย่างให้ดีขึ้นไหม?

  • องค์กรของคุณมีพื้นที่ให้คุณทดลองสิ่งใหม่หรือเปล่า?

หากคำตอบคือ “ใช่” — นี่อาจเป็นเวลาของคุณในฐานะ Intrapreneur

เริ่มเล็ก แต่คิดใหญ่ คิดระบบ และลงมือจริง — นั่นคือเส้นทางของ Intrapreneur ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

InnoVex 2025, Taipei

Added on by Surattanprawate.

งาน InnoVex Taipei 2025 ทีม Smile migraine ได้รับคัดเลือกให้ไปเข้าร่วมจัดแสดง booth และ pitching show case ที่กรุงไทเปประเทศไต้หวัน โดยการสนับสนุนของ DITP และ DEPA งานนี้ ได้ budget มาก้อนหนึ่งให้บริหารจัดการ ทีมเรามากัน 4 คน คือ บาย CEO อจ สุรัตน์ founder เติ้ล CDO และ หมูแดง PM

งาน InnoVex มีตั้งแต่ อังคารจนถึงศุกร์ เราเริ่มวันจันทร์กันด้วย การไป DigiBlock และ Software Park เรียกว่า ไปทั้งจุดเริ่มต้น groom และจุดที่เหล่าบริษัทที่ขยายตัวได้แล้วมาตั้งบริษัทกัน

วันนี้ จันทร์ เช้า มีนัดกัน ราว 9 โมงที่ Digital Block

DigiBlock Taipei: จุดเริ่มของอนาคตดิจิทัลใจกลางเมืองไทเป

“นวัตกรรมไม่ได้เริ่มจากเทคโนโลยี แต่มาจากพื้นที่ที่เอื้อต่อการทดลอง ความร่วมมือ และการสร้างฝันร่วมกัน”

เรามาถึง Digiblock ก่อนเปิดงานนิดเดียว โดยมีการเริ่มด้วยการกล่าวของบรรดาองค์กรรัฐบาลที่สนับสนุนของทั้งสองฝ่าย จากนั้นก็จะตามด้วยการ 1 minute pitching โดย startup Taiwan x Thai โดย pitch ด้วย slide หน้าเดียว

มารู้จัก Digiblock Taipei กันนิดนึง

🔹 ความเป็นมา: จากสวนแรงงาน สู่ Sandbox สำหรับอุตสาหกรรมดิจิทัล

DigiBlock Taipei ถือกำเนิดในปี 2018 จริง ๆ ก็ถือว่า ถือกำเนิดไม่นานนักนะ โดยที่รัฐบาลนครไทเป (Taipei City Government) ได้เนรมิตรพื้นที่ดั้งเดิมของ Chengde Labor Recreation Center ที่ตั้งอยู่ในเขต Datong ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Taipei Main Station นักให้กลายเป็นแหล่ง startup

แนวคิดหลักของเขาคือการเปลี่ยนพื้นที่ที่เคยรองรับแรงงานยุคอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม ให้กลายเป็น “ศูนย์บ่มเพาะดิจิทัล” สำหรับยุคใหม่ โดยเน้นอุตสาหกรรมที่ผสานระหว่างเทคโนโลยีสร้างสรรค์และการใช้ชีวิต เช่น: XR (Extended Reality), Game Development, Digital Content, Creative Media, Digital Health, Web3 & NFT Innovation

🔹 จุดเด่นของ DigiBlock Taipei

1. พื้นที่ทำงานนวัตกรรม (Innovation Space)

  • พื้นที่มากกว่า 2,000 ตร.ม. พร้อม Co-Working Space สำหรับสตาร์ทอัพและทีมเล็ก

  • โต๊ะทำงานแบบ Hot Desk และ Dedicated Desk ให้เลือกตามขนาดทีม

  • ห้องประชุม (Meeting Pods), ห้อง Workshop, และ Studio สำหรับสร้างสรรค์คอนเทนต์

2. XR/AR/VR Test Lab

  • ห้องทดลองเทคโนโลยีเสมือนจริงพร้อมเครื่องมือครบครัน เช่น:

    • HTC Vive Pro, Meta Quest 3, Microsoft HoloLens

    • Motion Capture Suit

    • GPU Workstation สำหรับ Render แบบ Real-time

  • ใช้เป็น Sandbox ทดสอบ UX และ Simulation ของผลิตภัณฑ์ก่อนปล่อยสู่ตลาดจริง

3. Maker Space + Fab Lab (สร้างจริงได้เลย)

  • มีอุปกรณ์ 3D Printer, Laser Cutter, CNC Mill สำหรับทำ mockup และต้นแบบฮาร์ดแวร์

  • เชื่อมกับทีม Technical Support สำหรับโปรเจกต์ที่ต้องการผลิตในไทเปหรือลงสู่ตลาดไต้หวัน

4. บริการและการสนับสนุนสตาร์ทอัพ

  • การให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ การตลาด และการเข้าถึงตลาดไต้หวัน

  • การเชื่อมโยงกับเครือข่ายนักลงทุน Angel และ VC

  • การสนับสนุนด้านการจดทะเบียนบริษัท, Visa, Gold Card, และทรัพย์สินทางปัญญา

  • Soft Landing Program สำหรับทีมต่างชาติที่ต้องการเริ่มทำธุรกิจในไต้หวัน

🔹 DigiBlock Taipei ในระบบนิเวศนวัตกรรมของไต้หวัน

DigiBlock ทำหน้าที่เสมือน “Hub แบบเบา” ในขณะที่เขต Nangang Software Park เป็น “Hub แบบหนัก” ที่เต็มไปด้วยบริษัทขนาดใหญ่

จุดเด่นของ DigiBlock คือ:

  • การเอื้อต่อการ ทดลองและพัฒนาอย่างรวดเร็ว (Rapid Prototyping)

  • เป็นพื้นที่ Cross-disciplinary ที่ Designer, Developer, และ Researcher ทำงานร่วมกัน

  • สร้างความ ยืดหยุ่นให้กับคนตัวเล็ก ที่อยากเริ่มต้น โดยไม่ต้องแบกรับต้นทุนสูง

มีการเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัย เช่น:

  • National Taipei University of Technology

  • Tatung University

  • Taipei Medical University

และยังเป็นจุดที่หน่วยงานรัฐบาลอย่าง Taipei City Startup Office จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง

Ok พอรู้จักแล้ว เรามาเข้าโปรแกรมกัน โดยเริ่มที่แนะนำหน่วยงานกันก่อน ทาง Taipei แนะนำก่อน

Startup Taipei

Startup@Taipei เป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลเมืองไทเป เพื่อส่งเสริมการเติบโตของสตาร์ทอัพผ่านบริการที่หลากหลาย เช่น

  • การให้คำปรึกษาและข้อมูล: บริการให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจ รวมถึงการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของแผนธุรกิจ และคำแนะนำด้านกฎหมายและภาษี

  • การสนับสนุนทางการเงิน: ช่วยเหลือในการสมัครขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือไม่มีดอกเบี้ย และเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเมืองไทเป

  • การเชื่อมโยงเครือข่าย: จัดกิจกรรมสัมมนาและเวิร์กช็อปเพื่อเชื่อมโยงผู้ประกอบการกับนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ

ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2015 ถึงกุมภาพันธ์ 2021 โครงการได้ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการมากกว่า 28,000 ราย และมีผู้ใช้บริการกว่า 4,700 คน invest.taipei

ระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทเป: การเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ไทเปได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองอันดับ 1 ของไต้หวันและอันดับ 54 ของโลกในด้านระบบนิเวศสตาร์ทอัพ โดยมีสตาร์ทอัพที่โดดเด่นหลายแห่ง เช่นStartupBlink

  • KKday: แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงนักท่องเที่ยวกับกิจกรรมท้องถิ่น

  • 17LIVE: แพลตฟอร์มสตรีมมิงสดที่ได้รับความนิยมในเอเชีย

  • BTSE: บริษัทฟินเทคที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ใช้สกุลเงินดิจิทัล

นอกจากนี้ ไทเปยังมีศูนย์บ่มเพาะและเร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพมากมาย เช่น AppWorks, SparkLabs Taipei, และ MOX ซึ่งช่วยสนับสนุนสตาร์ทอัพในด้านต่างๆ ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การระดมทุน ไปจนถึงการขยายตลาด

website >> https://www.startup.taipei/index_en.php

Startup Island

Startup Island TAIWAN เป็นแบรนด์สตาร์ทอัพระดับชาติของไต้หวันที่ก่อตั้งขึ้นโดย สภาพัฒนาแห่งชาติ (National Development Council - NDC) เพื่อส่งเสริมระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไต้หวันให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล และสนับสนุนผู้ประกอบการในการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ

วิสัยทัศน์และพันธกิจ

Startup Island TAIWAN มีเป้าหมายในการสร้างเอกลักษณ์ที่ชัดเจนให้กับสตาร์ทอัพไต้หวัน โดยเน้นที่การส่งเสริมด้านทุนมนุษย์ การเข้าถึงเงินทุน การปรับปรุงกฎระเบียบ และการขยายตลาด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของสตาร์ทอัพ National Development Council

การขยายเครือข่ายระดับโลก

เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพไต้หวันในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ Startup Island TAIWAN ได้เปิดศูนย์ในต่างประเทศ เช่น Silicon Valley Hub ในเมืองพาโลอัลโต สหรัฐอเมริกา ซึ่งทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างสตาร์ทอัพไต้หวันกับระบบนิเวศนวัตกรรมของซิลิคอนแวลลีย์ LinkedIn+1LinkedIn+1

โครงการ NEXT BIG

โครงการ NEXT BIG เป็นความร่วมมือระหว่าง NDC และ Startup Island TAIWAN เพื่อคัดเลือกสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพสูงในด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีการศึกษา สุขภาพอัจฉริยะ และเศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมให้สตาร์ทอัพเหล่านี้เป็นตัวแทนของไต้หวันในเวทีระดับโลก National Development Council

กิจกรรมและความร่วมมือระหว่างประเทศ

Startup Island TAIWAN มีบทบาทสำคัญในการจัดกิจกรรมและสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น การเข้าร่วมงาน SusHi Tech Tokyo 2025 ซึ่งมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับสถาบันวิจัยมิตซูบิชิ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างไต้หวันและญี่ปุ่น LinkedIn

ทรัพยากรและการสนับสนุน

Startup Island TAIWAN ให้บริการข้อมูลและทรัพยากรต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ทางการ startupisland.tw ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไต้หวัน รายงานนวัตกรรม และโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ

ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐและความร่วมมือระหว่างประเทศ Startup Island TAIWAN มีบทบาทสำคัญในการผลักดันสตาร์ทอัพไต้หวันให้เติบโตและเป็นที่รู้จักในระดับสากล

Website >> https://startupisland.tw

Startup Terrace

Startup Terrace เป็นศูนย์กลางสตาร์ทอัพระดับนานาชาติของไต้หวัน ก่อตั้งโดย Small and Medium Enterprise and Startup Administration (SMESA) ภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจ (MOEA) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเติบโตของสตาร์ทอัพทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายในการเชื่อมโยงทรัพยากรจากภาครัฐ ภาคเอกชน และนานาชาติ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมและการขยายตลาดของสตาร์ทอัพ 新創圓夢網+3Taiwan Startup Terrace+3新創圓夢網+3

วิสัยทัศน์และพันธกิจ

Startup Terrace มุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์กลางสตาร์ทอัพระดับนานาชาติที่โดดเด่นของไต้หวัน โดยมีพันธกิจในการ:

  • เชื่อมโยงกับทรัพยากรท้องถิ่น: สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจด้วยบริการแบบครบวงจร และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย

  • เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรม: ประสานความร่วมมือกับสวนอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ และธุรกิจในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี

  • เชื่อมโยงกับตลาดนานาชาติ: ดึงดูดนักลงทุนและสตาร์ทอัพจากต่างประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมการขยายตลาดของสตาร์ทอัพไต้หวันสู่เวทีโลก Executive Yuan

ศูนย์กลางหลัก: Linkou และ Kaohsiung

📍 Startup Terrace Linkou

ตั้งอยู่ในเขต Linkou ของเมืองนิวไทเป โดยดัดแปลงจากหมู่บ้านนักกีฬาของการแข่งขัน Universiade 2017 ให้กลายเป็นศูนย์กลางสตาร์ทอัพที่ทันสมัย พร้อมด้วย:

  • พื้นที่สำนักงานและที่พักอาศัยสำหรับสตาร์ทอัพ

  • พื้นที่ทำงานร่วมกัน (co-working spaces)

  • ศูนย์จัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรม

  • โปรแกรมสนับสนุนต่างๆ เช่น Soft Landing Program สำหรับสตาร์ทอัพต่างชาติที่ต้องการเข้ามาทำธุรกิจในไต้หวัน Taiwan Startup Terrace

📍 Startup Terrace Kaohsiung

ตั้งอยู่ในสวนซอฟต์แวร์ของเมืองเกาสง มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรม 5G และ AIoT โดยมีเป้าหมายในการ:flyingvest.com.tw

  • เชื่อมโยงกับศูนย์เทคโนโลยีระดับโลก

  • นำทรัพยากรและแนวคิดนวัตกรรมมาสู่ภาคใต้ของไต้หวัน

  • ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรม ท้องถิ่น และนานาชาติ

โปรแกรมและการสนับสนุน

Startup Terrace มีโปรแกรมและบริการหลากหลายเพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพ เช่น:

  • Soft Landing Program: ช่วยให้สตาร์ทอัพต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในไต้หวันได้อย่างราบรื่น

  • Proof of Concept Field: พื้นที่สำหรับทดสอบและแสดงผลงานนวัตกรรม

  • Consulting and Guidance: บริการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ การเงิน กฎหมาย และอื่นๆ

  • International Pilot Program: สนับสนุนการขยายตลาดของสตาร์ทอัพไต้หวันสู่ต่างประเทศ Taiwan Startup Terrace

รางวัลและการยอมรับ

ในงาน InnoVEX 2025 Startup Terrace ได้จัดมอบรางวัลพิเศษให้กับสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพสูง ซึ่งรวมถึง:

  • เงินรางวัลมูลค่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ

  • สิทธิ์ในการใช้พื้นที่สำนักงานที่ Startup Terrace (Linkou หรือ Kaohsiung) ฟรีเป็นเวลา 1 ปี

  • การสนับสนุนด้านการจับคู่กับนักลงทุน การเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรม และทรัพยากรจากภาครัฐ Taiwan Startup Terrace+3新創圓夢網+3Taiwan Startup Terrace+3

ความร่วมมือระดับนานาชาติ

Startup Terrace มีความร่วมมือกับองค์กรและโปรแกรมระดับนานาชาติ เช่น:

  • STARTBOARD: อินคิวเบเตอร์ที่ช่วยเหลือสตาร์ทอัพจากประเทศอาเซียนและอินเดียในการเข้ามาทำธุรกิจในไต้หวัน

  • AWS Joint Innovation Center: ความร่วมมือกับ Amazon Web Services เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพในด้านเทคโนโลยีคลาวด์

  • Rainmaking Innovation: องค์กรที่สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมในด้านสุขภาพดิจิทัล การผลิตอัจฉริยะ ฟินเทค และเมืองอัจฉริยะ

Website >> https://www.startupterrace.tw/en/