คนประสบความสำเร็จ ไม่มีสูตรสำเร็จ แต่สิ่งหนึ่งที่นักนวัตกรเปลี่ยนโลกคือ ความหลงไหล ที่ไปประจวลเหมาะกับ การสร้างมูลค่าจากมัน
เราเห็นคนที่ “หมกมุ่นยามค่ำคืน” แต่ละคนใช้เวลานอกเวลางาน ดื่มด่ำกับความหลงไหลของตัวเอง อย่างเอาจริงเอาจัง มันอาจเป็นเวลาที่ทุกคนพัก เวลาที่ทุกคนปลดเปลื้องจากงาน แต่มันเป็นเวลาที่กิจกรรมยามว่างของเขา
เราเรียกว่า NERDS at NIGHT ที่เปลี่ยนชะตากรรมของอนาคต นี่คือช่วงเวลาสำหรับ passion ของฉัน
Marc Andreessen นักลงทุนผู้มีชื่อเสียงในซิลิคอนแวลลีย์ เคยเล่าวิธีการง่ายๆ ที่เขาใช้ในการค้นหาโอกาสใหม่ เขาเรียกมันว่า “Nerds at Night Test” คำถามเดียวที่เขาใช้คือ เนิร์ดทั้งหลายกำลังทำอะไรกันตอนกลางคืนและวันหยุดสุดสัปดาห์ งานประจำในตอนกลางวันอาจจะอยู่ที่ Oracle, Salesforce, Apple, Intel หรือบริษัทใหญ่ใดๆ ก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะสิ่งที่ทำให้เขาสนใจจริงๆ ไม่ใช่งานประจำที่คนเหล่านี้ทำเพื่อเลี้ยงชีพ แต่คือสิ่งที่พวกเขา “เลือกจะทำ”ในเวลาที่ไม่มีใครมาบังคับ สิ่งที่พวกเขาทำด้วยใจรัก ด้วยแรงขับภายใน และด้วยความหมกมุ่นจนลืมเวลา
ถ้าเรามองปรากฏการณ์นี้ให้ชัดขึ้น จะเห็นว่ามันคือกุญแจในการทำนายอนาคต งานอดิเรกที่ดูเหมือนเล่นๆ บางอย่าง กลายเป็นต้นกำเนิดของบริษัทพันล้านดอลลาร์ Facebook เริ่มจากความพยายามของนักศึกษาคนหนึ่งที่อยากเชื่อมต่อเพื่อนในมหาวิทยาลัย GitHub เกิดจากความต้องการของนักพัฒนาที่อยากแชร์โค้ดในเวลาว่าง Bitcoin และ Blockchain เกิดขึ้นจากกลุ่มเล็กๆ ที่หลงใหลการสร้างระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลางในโลกอินเทอร์เน็ต สิ่งที่วันนั้นดูเหมือนงานอดิเรกที่ไม่สร้างรายได้ วันนี้กลับกลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามหาศาล
ทำไมงานอดิเรกถึงกลายเป็นสิ่งที่บอกอนาคตได้?
คำตอบอยู่ที่แรงจูงใจภายใน เวลาที่เราอยู่ในงานประจำ เรามักทำตามสิ่งที่ถูกสั่ง สิ่งที่ระบบกำหนด หรือสิ่งที่ตลาดปัจจุบันต้องการ แต่เมื่อถึงเวลาว่าง เราเลือกเองทั้งหมด เราเลือกทำในสิ่งที่เราสนใจจริงๆ และไม่สนว่ามันจะได้เงินหรือไม่ ที่สำคัญคือความเพลิดเพลินในการทดลองและความกล้าที่จะล้มเหลวโดยไม่เสียหายใหญ่โต มันคือสนามเด็กเล่นทางปัญญา ที่ซึ่งความคิดใหม่ๆ เติบโตโดยไม่ถูกตีกรอบ
หากเราตามรอยคนเหล่านี้ เราจะเห็นเทรนด์ก่อนใคร หลายครั้งชุมชนเล็กๆ ที่รวมตัวกันเพราะความหลงใหล บอกใบ้ถึงสิ่งที่กำลังจะกลายเป็นกระแสใหญ่ เช่นเดียวกับ โอเพนซอร์สซอฟต์แวร์ ที่เริ่มจากกลุ่มนักพัฒนาอิสระที่ทำงานกลางคืนฟรีๆ แต่วันนี้กลายเป็นรากฐานของซอฟต์แวร์ทั่วโลก หรืออย่างกระแส AI art และ Generative AI ที่แรกๆ ถูกมองว่าเป็นงานอดิเรกของคนชอบลองของใหม่ แต่ตอนนี้กลายเป็นอุตสาหกรรมที่บริษัทยักษ์ใหญ่ต้องเข้ามาเล่นด้วย
สำหรับผู้ประกอบการ การเข้าใจหลักการ “Nerds at Night Test” มันจึงไม่ใช่เพียงการมองดูว่างานอดิเรกของคนเก่งคืออะไร แต่คือการเข้าใจว่า “พลังของความหลงใหล” สามารถขับเคลื่อนสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร และสิ่งที่ดูเหมือนเล็กน้อยในวันนี้ อาจเป็นรากฐานของบริษัทในอนาคต ถ้าเรามีสายตาที่มองเห็น ก็จะรู้ว่าโอกาสนั้นอยู่ตรงหน้าแล้ว เพียงแต่ยังอยู่ในรูปของงานอดิเรกเล็กๆ เท่านั้น
คำถามที่น่าคิดต่อคือ แล้วเราจะนำหลักการนี้ไปใช้ได้อย่างไร สำหรับนักลงทุน ก็คือการตามหาชุมชนที่คนยังทำด้วยใจรักแต่ยังไม่ได้ถูกตลาดรับรอง สำหรับผู้ประกอบการเอง ก็คือการสำรวจสิ่งที่ตัวเองทำด้วยความสุขโดยไม่ต้องมีใครจ่ายเงินจ้าง เพราะบ่อยครั้ง สิ่งนั้นเองสามารถพัฒนาเป็นธุรกิจได้ ถ้าคุณรักมันมากพอ คุณก็จะมีแรงใจที่จะทำให้มันเติบโตจนคนอื่นๆ ยอมจ่ายเพื่อใช้มันเช่นกัน
เรามักจะคิดว่าโอกาสทางธุรกิจต้องมาจากการวิเคราะห์ตลาดที่ซับซ้อนหรือการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจที่แม่นยำ
แต่ความจริงอาจเรียบง่ายกว่านั้นมาก มันอาจเริ่มจากการนั่งฟังคนกลุ่มหนึ่งคุยกันในฟอรัมอินเทอร์เน็ต มองดูว่านักศึกษาในหอพักมหาวิทยาลัยกำลังสร้างอะไร หรือสังเกตว่ามีคนจำนวนหนึ่งเสียเวลาทั้งคืนไปกับการทำโปรเจกต์ที่ยังไม่มีใครเห็นคุณค่า นั่นแหละคือสัญญาณของอนาคต
ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว คำถามที่เราควรถามอาจไม่ใช่แค่ “ตลาดวันนี้ต้องการอะไร” แต่ควรถามว่า “เนิร์ดทั้งหลายกำลังทำอะไรกันในเวลาว่าง” เพราะที่นั่นเอง คือที่ซ่อนของโอกาสทางธุรกิจที่แท้จริง และอาจเป็นคำตอบของอนาคตที่เรากำลังค้นหาอยู่