ตื่นมาสมองมันล้า หากล้านาน ๆ ก็สมองเสื่อม เพราะมีสารพิษสะสมมากเกินไป มันเหมือนขยะ ที่ล้วนทำลายสมอง
ระบบไกลม์ฟาติก (Glymphatic System) คือระบบ “ล้างสมอง” ขณะนอนหลับ ทำหน้าที่กำจัดของเสียออกจากสมอง โดยเฉพาะในช่วง หลับลึก (slow-wave sleep) ซึ่งเป็นช่วงที่ของเหลวในสมองไหลเวียนดีที่สุด และช่วยทำความสะอาดสมองเหมือนระบบแม่บ้านจอมขยัน
เรามารู้สารสำคัญที่ระบบไกลม์ฟาติกช่วยล้างออกจากสมองขณะนอนหลับ:
1. เบต้า-อะไมลอยด์ (β-amyloid)
โปรตีนที่เมื่อสะสมมากเกินไปจะจับตัวเป็นคราบในสมอง (amyloid plaques)
เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์
ระบบไกลม์ฟาติกจะช่วยล้างออกในช่วงที่นอนหลับ โดยเฉพาะช่วงหลับลึก
2. โปรตีนเทา (Tau protein)
โปรตีนที่ถ้าสะสมผิดปกติจะทำให้เซลล์สมองเสื่อม
พบมากในโรคทางสมอง เช่น อัลไซเมอร์
การนอนหลับช่วยกำจัดโปรตีนเทาที่เกินความจำเป็น
3. แลคเตท (Lactate)
ของเสียจากกระบวนการเผาผลาญพลังงานในสมอง
ระดับแลคเตทลดลงชัดเจนขณะนอนหลับ แสดงว่าถูกกำจัดออก
4. สารอนุมูลอิสระ และของเสียจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน (ROS)
เกิดจากการทำงานของสมองและความเครียด
การสะสมอาจทำลายเซลล์ประสาท
ระบบไกลม์ฟาติกช่วยล้างออก ลดความเสี่ยงการอักเสบและเสื่อมของสมอง
5. ของเสียจากการสลายของสารสื่อประสาท
เช่น กลูตาเมต และโดปามีน
การขจัดของเสียเหล่านี้ช่วยรักษาสมดุลของสมอง
เราหลับ สมองไม่หลับ มันเปิด “ช่องทางลับ” ให้ของเหลวในสมองไหลผ่านอย่างรวดเร็ว เพื่อกำจัด โปรตีนพิษ สารตกค้าง และของเสียต่าง ๆ แม่บ้านจอมขยันนี่เยี่ยมจริง ๆ แต่หาก นอนมากไป ก็ไม่ดีนะ แม่บ้านก็ล้างเสร็จไปแล้ว สมองเราต้องตื่นมาทำงาน นอนให้อยู่ในช่วง 7-9 ชั่วโมง
- อจ สุรัตน์
Filtering by Tag: health
สมองไมเกรนกับคนไข้ปากเหม็น
อจ.รักษาคนไข้ไมเกรนมากกี่พันคนแล้ว อืม น่าจะหลายพัน คนไข้บางคน ปวดรุนแรงมาก บ้างหาเหตุได้ บ้างก็หาเหตุไม่เจอ
ทำไมถึงต้องเป็นเรา คนไข้บ่นบ่อย ๆ
เออ อันนี้บางทีก็บอกยาก ไม่ใช่ ไม่มีเหตุ แต่มันหากเหตุไม่เจอ
แต่สัปดาห์ก่อน
หมอ ผมรู้ละ ไมเกรนกำเริบเพราะแฟนปากเหม็น เนี่ย ให้ไปหาหมอฟันก็ไม่ไป ดูไม่ค่อยทำความสะอาด แล้ว ปากเหม็น นี่กลิ่นมันกระตุ้นไมเกรน ใช่ไหมหมอ ?
คนไข้ "ไม่เห็นเหม็นเลย หอม จะตาย" พูดพลาง เอามือมาอังแล้วพ่นลมออกมา หะ หะ นี่แน่ เอาไปดมดู
เหมือนทีเล่นทีจริง คือปากเหม็น ปากไม่สะอาด มันจะไปเกี่ยวกับไมเกรน ยังไง เอ หรือ ปากเหม็น ๆ มันทำให้คนเป็นไมเกรนสูดลมหายใจกระตุ้น ตลอดเวลาหรือเปล่า นะ
ปากเหม็น หรือ สุขภาพช่องปากไม่ดี จริง ๆ ปัจจุบัน มันมีงานวิจัย ที่บ่งว่า มันเกี่ยวกับโรคหลายโรคเลย และ พอค้นใน pubmed ก็พบว่า มีวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์แล้ว ไมเกรน มันเกี่ยวกับปากเหม็นจริง ๆ นะ
เรื่องจริง ของความเกี่ยวข้องของอวัยวะที่น่าประหลาดใจ
อวัยวะของเราในร่างกายมีหลายอวัยวะ หน้าที่มันแตกต่าง แม้มันอยู่ในร่างกายเดียว แต่เดี๋ยวนี้งานวิจัยได้ชี้ว่า มันมีความเกี่ยวข้องกันแบบคาดไม่ถึง (และนี่ทำให้การรักษาโรคในปัจจุบันแบบแยกส่วน บางทีโรคก็ไม่ได้ดีขึ้นหนะสิ)
อย่างการศึกษาชิ้นใหม่ ที่พบความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างสุขภาพช่องปากที่ไม่ดี (ทำให้ปากเหม็น) ที่มีแบคทีเรียในช่องปาก หรือ ที่เรียกว่า "ไมโครไบโอม" และสมองที่ไวต่อความเจ็บปวด
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์และ Viome Life Sciences ได้ตั้งคำถามวิจัยถึงความเกี่ยวข้องของอวัยวะที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน คือ สุขภาพช่องปากและอาการสมองไวต่อความปวด โดยได้เก็บข้อมูลจากผู้หญิง 158 คนในเมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ โดยต้องไม่สูบบุหรี่ ไม่มีเบาหวานหรือโรคอักเสบเรื้อรัง ทีมวิจัยได้ใช้แบบสอบถามสุขภาพช่องปากขององค์การอนามัยโลก (WHO), เครื่องมือวัดความเจ็บปวดที่ผ่านการรับรอง, และการวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำลายด้วยเมตา-ทรานสคริปโตมิกส์ เพื่อสำรวจความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพช่องปาก ไมโครไบโอม และความเจ็บปวด
โดยความเจ็บปวดที่ศึกษา ได้แก่ อาการปวดเรื้อรัง เช่น ไฟโบรมัยอัลเจีย ไมเกรน และลำไส้แปรปรวน (IBS) ส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะในผู้หญิง
ผลการศึกษา
สุขภาพช่องปาก & ความเจ็บปวด
• ผู้ที่มีคะแนนสุขภาพช่องปากต่ำ พูดง่ายๆ คือ ปากเหม็นเพราะมี แบคทีเรียมาก มีคะแนนความเจ็บปวดทางร่างกายสูงขึ้น, ไมเกรนบ่อยขึ้น และปวดท้องมากขึ้น (_p_< 0.001)
• ผู้หญิงที่มีสุขภาพช่องปากแย่ที่สุดมีแนวโน้มที่จะเป็นไมเกรนเรื้อรังหรือถี่มากกว่าคนทั่วไปถึง 2–3 เท่า
ชนิดแบคทีเรียที่เกี่ยวข้อง
• หากพิจารณาชนิด แบคทีเรีย จะมีการพบ Gardnerella, Mycoplasma salivarium , และ Lancefieldella ในระดับสูงเชื่อมโยงกับคะแนนสุขภาพช่องปากที่ต่ำและความเจ็บปวดที่มากขึ้น
• สี่สายพันธุ์ที่สัมพันธ์กับความเจ็บปวดทางร่างกาย ได้แก่
---
มันอธิบายความเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร
ผลลัพธ์สนับสนุนแนวคิดเรื่อง แกนประสาท–ไมโครไบโอมในช่องปาก ซึ่งเป็นเส้นทางใหม่ในการเข้าใจอาการปวด โดยสิ่งที่พบ
- เชื้อโรคในช่องปากสามารถปล่อยโมเลกุลที่ก่อให้เกิดการอักเสบ เช่น LPS (lipopolysaccharide) ซึ่งอาจเข้าสู่กระแสเลือดและกระตุ้น การอักเสบของระบบประสาท
- แบคทีเรียอย่าง Mycoplasma salivarium กระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันในเหงือกและผลิตไซโตไคน์อักเสบ ซึ่งเคยพบในข้อต่อของผู้ป่วย TMJ (ขากรรไกร)
- จุลชีพบางชนิดสามารถกระตุ้นการผลิต CGRP และ VEGF ซึ่งมีบทบาทในการเพิ่มสัญญาณปวดและพบในระดับสูงในไมเกรนและไฟโบรมัยอัลเจีย
นั่นแสดงว่า การมีสุขภาพช่องปากไม่ดี ปล่อยให้แบคทีเรียปากเหม็น มาสร้างรังอยู่ มันจะทำให้เกิดการอักเสบเข้าไปในกระแสเลือดได้ และสารเหล่านั้นก็ทำให้สมองตอบสนองให้ไวขึ้น
โอว นี่ต่อไปรักษาคนไข้ไมเกรน ต้องให้เค้าอ้าปากให้ดมว่าเหม็นหรือเปล่านะ
เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า หากปวดเรื้อรัง สำรวจ ช่องปากตัวเองให้ดี ไม่แน่ อาจทำให้อาการปวดที่เป็นหายก็ได้ หากรักษาช่องปากให้ดีนะ
- อจ สุรัตน์
ด้วยความทรงจำอันพริ้วไหว - Alzheimer and dancing memory
Rodolphe Fouillot เป็นนักเต้น ได้อุทิศเวลาให้กับกิจกรรมและโปรเจคทางวัฒนธรรมอันหลากหลาย
เค้าได้ใช้เวลาไปโรงพยาบาลเพื่อทำ project workshop การเต้นสำหรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ที่บ้านพักคนชรา Sainte-Anne d'Auray Châtillon ในประเทศ ฝรั่งเศษ
โรคอัลไซเมอร์ สมองของคนป่วยจะเสื่อมสภาพลำ้หน้าเดินกว่าวัยที่ควรจะเป็น สมองในส่วนของความจำและวงจรของมันที่เรียกว่า Papez circuit (วงจรของปาเปซ) ที่ทำหน้าที่เสมือนกล่องเก็บความจำจะเป็นส่วนที่เสื่อมสภาพเป็นอันดับแรกเป็นเหตุให้ความจำสูญเสียไปก่อน จากนั้นส่วนเปลือกสมอง cortex จะเสื่อมตามมา
เป็นที่น่าสนใจว่า แม้ความจำระยะสั้นจะหลงลืมไป แต่ความจำในสมองส่วนลึกและดั้งเดิมจะยังถูกเก็บรักษาอยู่ และสมองส่วนนี้ มันเก็บอารมณ์ ความรู้สึก เสียงเพลง รวมถึงจังหวะและ ดนตรีที่ชอบ
Rodolphe Fouillot นำเสรอการเต้นตามจังหวะเพลง และการแสดงอันน่าสนุก ไปใช้รักษาผู้ป่วยอัลไซเมอร์ จังหวะการเต้น จะเร้าร่างกายให้เต้นไปตามจังหวะเพลงและมันก็ส่งผลดีเหมือนการออกกำลังกาย นอกจากนี้ เนื่องจากสมองมันมีการติดต่อ เชื่อมโยงกัน อย่างแยกเป็นส่วนหนึ่งไม่ได้ จังหวะและการกระตุ้นสมองส่วนลึก จึงเชื่อมไปกระตุ้นความจำที่สูญเสียไปอีกด้วย
Rodolphe Fouillot, danseur et chorégraphe professionnel, s'investit depuis longtemps dans des projets culturels variés. Pendant un an, dans le cadre d'ateliers danse, il s'est rendu à l'EHPAD Sainte-Anne d'Auray de Châtillon (92) afin de chorégraphier une pièce pour personnes âgées. Lire l'interview : http://maladiealzheimer.fr/actualites.html#52
http://www.rodolphefouillot.com
Beer ทำให้สุขภาพดี: ชัวว์หรือมั่วนิ่ม
เบียร์กับไวน์ถือเป็นเครื่องดื่มอันสุดหฤหรรษ์ของมนุษย์ชาติ นอกจากนี้มันยังเป็นยาขนานดีที่ได้รับการรองรับจากงานวิจัยทางการแพทย์ เอ้า จงฉลองแด่ชีวิตและสุขภาพของพวกเรา เชียร์ !
ย่างเข้าเดือนตุลาคมทีไร ผมอดนึกถึงเทศกาล OctoberFest ที่ได้ชื่อว่าเป็นเทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุด ในกรุงมิวนิค เยอรมันไม่ได้ทุกที แม้ว่าที่ผ่านมาผมจะได้เพียงแต่ไปแบบเฉียด ๆ เทศกาล OctoberFest ที่กรุงมิวนิค (คือเคยไปตอนหลังเทศกาลประมาณ 1 สัปดาห์) แต่ก็ได้มีโอกาส ไปร่วม Octoberfest ที่จัดเป็นงานจำลองที่ประเทศญี่ปุ่นในแต่ละเมือง เช่นที่ เมือง Odaiba(เรียกว่า Odaibaoctoberfest) และก็มีที่เมืองอื่น ๆ อีกเพียบ เช่นที่ Yokohama เป็นต้น การดื่มเบียร์มันกลายเป็นประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติพอฟัดพอเหวี่ยงกับ การดื่มชาของจีน การดื่มไวน์ของฝรั่งเศษ และก็การดื่มกาแฟของชาวอิตาลี่ ไปเสียแล้ว
แน่นอนว่า เมื่อแพทย์ได้ยินคำว่า เครื่องดื่มอัลกอฮอล์ เราก็มักจะแนะนำคนไข้ว่า อย่าไปดื่มมันเลย เพราะมันนอกเสียจากว่ามันทำให้สมถภาพการขับขี่ยานพาหนะลดลง และก็เสี่ยงเข้าคุกจากระดับอัลกอฮอล์วิ่งพล่านในกระแสเลือดเกินขนาด การดื่มอัลกอฮอล์เป็นเวลานาน ก็จะทำให้ตับแข็งและก็ติดเป็น alcoholism ได้อีกด้วย
แต่ก็นั่นแหละ มันจะเป็นเรื่องของการหาวิธีทางวิทยาศาสตร์ในการตั้งข้อสงสัยและก็พิสูจน์ฟอกให้กิจกรรมที่ผิดเป็นถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่หลักฐานทางการแพทย์ทยอยออกมาให้คอเบียร์โห่ร้องตีปีกพับ ๆ (หาเรื่องดื่ม) ว่า เบียร์ มันไม่ได้แย่หรอก แต่มันเป็นดั่งน้ำอมฤต ที่ช่วยให้สุขภาพยืนยาวได้
ตกลง ดื่มเบียร์ สุขภาพดี ชัวว์หรือมั่วนิ่ม กันหว่า?
"เบียร์ช่วยลดอัตราการเกิดโรคและเสียชีวิตของโรคหลอดเลือดหัวใจ"
อันนี้มีรายงานจากงานวิจัยหลายฉบับ ต่างก็ประสานเสียงว่า การดื่มเบียร์ในปริมาณที่พอเหมาะ (Moderate alcohol intake) จะช่วยทำให้ กระบวนการเผาผลาญ lipoprotein ซึ่งเป็นไขมันเลวมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สาร phenolic compound ในเบียร์ (ซึ่งก็มีใน red wine เช่นกัน) จะมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเกาะตัวของเกร็ดเลือด ทำให้ป้องกันหลอดเลือดอุดตันที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะหัวใจ นอกจากนี้ยังมีสารประกอบอื่น ๆ ที่มีประโยชน์อีกเช่น benzoic, cinnamic acid, catechins, procyanidins, humulones
"เบียร์ช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งหลายชนิด"
จากการศึกษาในสัตว์ทดลอง การดื่มเบียร์จะลดปัจจัยหรือสารก่อมะเร็ง (carcinogen) ซึ่งเชื่อว่า ในเบียร์มีส่วนประกอบที่นอกเหนือจาก alcohol ที่ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ (คือ อีสาร อนุมูลอิสระนี่ มันทำให้เกิดความผิดปกติต่อการเจริญของเนื้อเยื่อที่ทำให้เกิดมะเร็งได้) ส่วนประกอบที่ว่า มันเป็นส่วนประกอบที่ทำให้เกิดรสขม (hop) ของมันหนะแหละ Hop (Humulus lupulus L.) เป็นส่วนประกอบของเบียร์ที่เป็นแหล่งของสารที่สำคัญคือ phenolic compound ด้วย มะเร็งมีหลักฐานในการลดนี้ได้ประโยชน์ทั้งหญิงและชาย ได้แก่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร
นอกจาก ประโยชน์ที่ว่ามา ยังมีประโยชน์อีกได้แก่ ลดอัตราการเกิดโรคเบาหวาน ลดอัตราการเกิดโรคกระดูกพรุน อีกด้วย
มีคนบอกว่า เบียร์ มันทำให้ความคิดสร้างสรรค์ดีขึ้น นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งสินะ ที่ทำให้ นักสร้างสรรค์ มันเป็นนักดื่มตัวยงด้วย
เบียร์ ทำให้ความคิดสร้างสรรค์ดีขึ้นจริงหรือเปล่า ผมคิดว่า ต้องดูว่า อะไรเป็นไก่ อะไรเป็นไข่ คือ จริง ๆ คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ส่วนใหญ่มันมีพฤติกรรมที่ชอบพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง และการดื่มเบียร์ก็เป็นหนึ่งในพิธีกรรมเท่านั้น หรือ จริง ๆ แล้ว การดื่มเบียร์มันมี positive effect ในการ boost พลังสร้างสรรค์ของสมองมากยิ่งขึ้นกันแน่
ในมุมมองของผมเอง ผมว่ามันเป็น two way คือเป็นได้ทั่ง 2 ทาง การดื่มเบียร์ที่ทำให้สมองมึนตื้อเล็กน้อย ส่วนที่เป็น alcohol จะไปกดสมองส่วนที่มีการคิดเป็นตรรกะมากๆ ออกไปทำให้เกิดการปลดปล่อยสมองส่วนที่เกี่ยวกับอารมณ์ การสร้างสรรค์ การคิดใหม่ ความร่าเริง ออกมา คือจริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่แต่เบียร์หรอก แต่ เครื่องดื่ม หรือ สารเสพติดมึนเมา ทุกชนิดมันก็มีฤทธิ์แบบนี้หมดหนะแหละ สังเกตเอาจาก ศิลปิน เวลาจะวาดรูป นักแต่งเพลงเวลาจะเขียนบทเพลงดี ๆ เข้าถึงอารมณ์ได้ ก็อาจต้อง build อารมณ์กันสักหน่อย นอกจากนี้มันก็ทำให้การแลกเปลี่ยนทัศนะคติระหว่างหมู่เพื่อนกันเองเป็นไปด้วยความราบรื่นขึ้น
แหม ! บทความนี้ช่าง Pro เบียร์เสียเหลือเกินนะ
ข้อเสียของการดื่ม มันก็มี แน่นอน การดื่มเครื่องดื่มที่มี alcohol หากดื่มมากไป มันก็จะทำให้ตับไม่ดี แต่นานไป ตับก็แข็งได้ นอกจากนี้ หากดื่มในปริมาณมากจนติดหนึบหนับละก็ สมองส่วน ซีรีเบลลัมจะฝ่อ ไป ทำให้การทรงตัวไม่ดี
มี short documentary มาฝาก
มาถึงตอนนี้ มีคนถามมามากว่า ดื่มเท่าไหร่ดี
จากการแนะนำขนาดที่ดื่ม คือ เบียร์ หนึ่ง ถึง สองแก้วนะจะเป็นขนาดที่พอเหมาะพอควร พอเมา พอมึน ไม่ได้เป็นอันตราย และอาจมีผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย แต่ขอร้อง อย่าขับรถขณะมึนเมาละกันครับ อันนี้ เกิดอุบัติเหตุ ไปเฝ้ายมบาลก่อนเห็นผลของเบียร์ต้านมะเร็งแน่ ๆ
Reference
1. Beer and health: preventive effects of beer components on lifestyle-related diseases. (http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/15630301)
2. Alcoholic Beverage Preference, 29-Year Mortality, and Quality of Life in Men in Old Age (http://biomedgerontology.oxfordjournals.org/content/62/2/213.long)
3. Wine, Beer, Alcohol and Polyphenols on Cardiovascular Disease and Cancer (http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3407993/)