• home
  • project and work
    • MEDCHIC and SMID
    • SmileMigraine
    • Creative project
    • TEDx Chiangmai
    • ChivaCare
    • Headache Leader
    • JW Herbal
  • bog bog - the ideas blog
  • Video
  • Event/Talk/Award
  • biography
  • contact
  • Menu

surat tanprawate

M.D.
  • home
  • project and work
    • MEDCHIC and SMID
    • SmileMigraine
    • Creative project
    • TEDx Chiangmai
    • ChivaCare
    • Headache Leader
    • JW Herbal
  • bog bog - the ideas blog
  • Video
  • Event/Talk/Award
  • biography
  • contact
surat tanprawate
M.D.

PWR Framework: กรอบความคิดสร้างไอเดียง่ายๆ

Added on April 4, 2025 by Surattanprawate.

ไอเดีย...อยู่รอบตัวเราเสมอ

โลกเรามันหมุนด้วยอัตราเร็วเท่าเดิม นั่นคือทางกายภาพ แต่ตามความรู้สึกของเรา มันเร็วขึ้น สิ่งๆ ล้วนเปลี่ยนไปไว คนเก่งขึ้น สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงเร็ว คนรุ่นใหม่เต็มไปด้วยไอเดียเปลี่ยนแปลงโลก เราก็สงสัย เอ แล้วเค้าเอาไอเดียใหม่ ๆ มาสร้างสิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างไร มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ

จริงอยู่ที่ไอเดียอาจดูธรรมดา แต่เมื่อผ่านการวิเคราะห์ คิดใหม่ และลงมือทำ มันสามารถกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงระดับองค์กรหรือแม้กระทั่งสังคม

เรามันคนตัวเล็ก จะไปคิด ไปทำอะไรที่มันเปลี่ยนแปลงระดับมหึมาได้อย่างไร ?

แต่อย่าลืมคิดไปว่า คนที่ประสบความสำเร็จระดับเปลี่ยนแปลงโลกได้ ล้วนเริ่มจากการเป็นคนตัวเล็กทั้งนั้นแหละ

การเริ่มต้นง่ายๆ หาไอเดีย เพื่อแก้ปัญหาเดิม นั่นสำคัญ และนั่นคือที่มาของ PWR Framework — เครื่องมือ 3 ขั้นตอน จากทีมนวัตกรร MedCHIC ที่จะช่วยให้คุณ "เห็น", "เข้าใจ", และ "ลงมือ" กับไอเดียรอบตัว

P — Problem: มองเห็นปัญหาในชีวิตประจำวัน

จุดเริ่มต้นของไอเดียที่ดี คือปัญหาที่แท้จริง

Problem exploration

เราเจอปัญหาทุกวัน แต่เราอาจมองข้ามมันไป เพราะชินกับ “ทางเดิม” หรือ “ระบบที่เป็นอยู่”
PWR ชวนคุณถามตัวเองว่า:

1️⃣ What is the current problem?

ปัญหาปัจจุบันคืออะไร?
(คำอธิบายสถานการณ์หรือสิ่งที่ไม่เวิร์กในมุมของผู้ใช้/ลูกค้า/ทีม)

2️⃣ Who is affected & how?

ใครได้รับผลกระทบ และได้รับผลกระทบอย่างไร?
(เจาะว่าแต่ละ stakeholder ได้รับผลอย่างไร มี pain point หรือความเสี่ยงตรงไหน)

3️⃣ What assumptions are being made?

สมมติฐานที่เชื่อโดยไม่รู้ตัวมีอะไรบ้าง?
(สิ่งที่เราคิดว่า “ใช่” แต่ไม่เคยพิสูจน์ เช่น “ลูกค้าชอบแบบนี้อยู่แล้ว”

สิ่งเหล่านี้เราอาจรู้เองเมื่อมองไปรอบข้าง

เราอาจรู้โดยฟังเสียงบ่น

ไอเดียเริ่มจากปัญหาเสมอ เพราะไม่มีปัญหาเราก็ไม่รู้จะคิดไอเดียไปแก้อะไร

เมื่อคุณตั้งใจฟังโลก ไอเดียจะเริ่มก่อตัว

W — Why It’s Not Working?: วิเคราะห์ความล้มเหลว (เจาะลึกสาเหตุ)

สิ่งที่มีอยู่ในวันนี้ ไม่ได้แปลว่าคือ “คำตอบที่ดีที่สุด”

นี่คือจุดที่คุณเริ่มตั้งคำถามกับระบบเดิม วิธีเดิม หรือผลิตภัณฑ์เดิม:

4️⃣ What solutions have failed?

แนวทางหรือเครื่องมือเดิมที่เคยลองแล้วไม่สำเร็จคืออะไร?
(ใช้ได้แต่ไม่ตอบโจทย์ ใช้แล้วไม่มีผล ใช้แล้วซับซ้อนเกินไป)

5️⃣ What are the hidden obstacles?

ข้อจำกัดหรืออุปสรรคที่ซ่อนอยู่คืออะไร?
(วัฒนธรรมองค์กร ข้อมูลไม่พร้อม เวลาไม่พอ ทีมไม่เข้าใจ ฯลฯ

6️⃣ What is the root cause behind the failure?

สาเหตุเชิงลึก (รากของปัญหา) คืออะไร?
(มองแบบระบบ ว่าอะไรคือต้นตอ: mindset, policy, process, incentive ฯลฯ)

"Every breakthrough begins with a simple question: 'Why not?'"

Micheal Siebel กล่าวว่า “เราไม่สามารถแก้ปัญหาเดิมได้ด้วยวิธีแบบเดิม”

ทางแก้อาจไม่ถูกกับปัญหาจริงๆ

หรือไม่ มันก็ใช้เวลามากเกินไปและติดข้อจำกัด

R — Reframe & Reimagine: เปลี่ยนมุม คิดใหม่ สร้างใหม่

เมื่อคุณเปลี่ยนคำถาม — โลกก็จะเปลี่ยนตาม

การเปลี่ยนมุมมองของปัญหา (Problem Reframe) จะนำไปสู่การสร้างไอเดียแก้ปัญหาใหม่ (Reimagine)

Section 3: Reframe & Re-creation – พลิกมุมและสร้างสรรค์แนวทางใหม่

7️⃣ New Problem Statement (Reframe)

เมื่อนิยามใหม่ ปัญหาจริงคืออะไร?
(เขียนใหม่ให้เฉียบขึ้น โฟกัสสิ่งที่ควรแก้จริง ๆ)

8️⃣ How Might We...? (HMW)

เราจะทำอย่างไรเพื่อ...?
(ตั้งคำถามปลายเปิด เพื่อจุดประกายไอเดีย เช่น “เราจะทำอย่างไรเพื่อให้ลูกค้าเล่า pain point ด้วยความสบายใจ?”)

9️⃣ New Ideas / Re-creation

แนวคิด / Prototype / ทางออกใหม่ที่สามารถลองได้
(อาจมีหลายไอเดียก็ได้ เช่น เทคโนโลยีใหม่ กระบวนการใหม่ หรือการออกแบบใหม่)

การ Problem Reframe คืออะไร

“Problem Reframing คือกระบวนการมองปัญหาจากมุมมองใหม่ เพื่อให้เข้าใจปัญหาได้ลึกซึ้งขึ้น หรือค้นพบแนวทางแก้ไขใหม่ ๆ แทนที่จะรีบหาทางแก้ทันทีเมื่อพบปัญหา”

เราควรก้าวถอยหลังและตั้งคำถามว่า:

• นี่คือปัญหาที่แท้จริงหรือไม่?

• เราสามารถนิยามปัญหานี้ในรูปแบบอื่นได้ไหม?

• มีสมมติฐานใดที่เรายึดถืออยู่โดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจจำกัดความคิดของเราหรือไม่?

ซึ่งการ Reframe จะนำไปสู่การคิดทางแก้ใหม่ (Reimagine) และ นั่นคือจุดเริ่มต้นของนวัตกรรม

จาก Reframe -> Reimagine

• ช่วยเปิดความคิดสร้างสรรค์

• ป้องกันการแก้ปัญหาที่ไม่ใช่ต้นตอที่แท้จริง

• ทำให้เห็นสาเหตุที่แท้จริง ไม่ใช่แค่แก้แค่ปลายเหตุ

• เปิดโอกาสให้พบแนวทางแก้ไขที่หลากหลายมากขึ้น

มาดูตัวอย่างกันดีกว่า:

ปัญหาเดิม:

“คนไม่ใช้บันได คนใข้แต่ลิฟต์”

Reframe problem

เรามองปัญหา คือ การขึ้นบันได ต้องออกแรง คนขี้เกียจ และน่าเบื่อ และต้องใช้เวลา

“เราจะทำอย่างไรให้คนใช้บันไดแทนลิฟต์มากขึ้น?”

Reimagine

“เราจะทำอย่างไรให้การขึ้นบันไดเป็นเรื่องสนุกหรือน่าจูงใจมากขึ้น?”

การเปลี่ยนมุมมองแบบนี้อาจนำไปสู่ไอเดียใหม่ ๆ เช่น บันไดดนตรี หรือระบบสะสมแต้มเมื่อใช้บันได

ไอเดียเล็ก ๆ อาจดูไม่มีน้ำหนักในตอนแรก แต่ถ้าได้ลงมือสร้าง ทดลอง ปรับ และเล่าให้คนอื่นฟัง — มันอาจกลายเป็นสิ่งที่โลกต้องการ

ไอเดียอยู่ทุกที่... แล้วคุณจะทำยังไงกับมัน?

ไอเดียไม่ต้องยิ่งใหญ่ — แต่มันต้อง “ขยับ” ได้

บางครั้งไอเดียที่ดีที่สุดไม่ใช่สิ่งใหม่ล้ำโลก แต่คือการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่ตรงจุด เจาะปัญหา และเกิดจากความเข้าใจผู้ใช้จริง

กรอบคิด PWR ช่วยให้คุณ:

  • เห็นปัญหาแบบที่ไม่เคยมอง

  • ตั้งคำถามกับสิ่งที่คนอื่นมองข้าม

  • สร้างสิ่งใหม่จากมุมที่ยังไม่มีใครเคยลอง

Make It. Change It. Start Now.

ถ้าคุณมีไอเดีย — ลงมือสร้างมัน
ถ้าคุณเห็นปัญหา — กล้าท้าทายมัน
ถ้าคุณอยากเปลี่ยนอะไร — เริ่มจากคำถามที่ดีกว่าเดิม

“You can't use up creativity. The more you use, the more you have.” — Maya Angelou

วันนี้...คุณอยาก “สร้าง” หรือ “เปลี่ยน” อะไรในโลกของคุณ?

In Business, Creativity, Innovation, startup Tags Innovation, startup
← Newer: CMU x LeX Camp : เรียนรู้ Innovative Sustainability Older: กฎ 1 ชั่วโมงของเจฟฟ์ เบโซส: เรื่องเล่าจากเช้าที่ทำให้สมองฉลาดขึ้น →
Back to Top