ทำไมบริษัทยักษ์ใหญ่... เลือก “ซื้อ” นวัตกรรม แทนที่จะสร้างเอง
เรามักคิดว่า ถ้าบริษัทมีทุน มีคนเก่ง และมีเทคโนโลยีระดับโลก
ก็ย่อมสร้างสิ่งใหม่ ๆ ได้เองโดยไม่ต้องพึ่งใคร
แต่ในความเป็นจริง…พวกเขากลับ “ซื้อ” startup ที่มีแนวคิดล้ำหน้าแทน
Ben Thompson แห่ง Stratechery ยกกรณีล่าสุด — Google ซื้อ Wiz
บริษัท Wiz ไม่ได้มีขนาดใหญ่อะไรเลย แต่มีเทคโนโลยีด้าน cybersecurity ที่จะกลายเป็นหัวใจสำคัญของระบบ cloud ทั่วโลกในอนาคต
Google ไม่ได้ซื้อเพราะทำเองไม่ได้
แต่เพราะ องค์กรที่ใหญ่เกินไป มักขยับตัวช้ากว่าไอเดียใหม่เสมอ
เมื่อบริษัทเติบโตขึ้น ระบบภายในเริ่มซับซ้อน
ทุกการตัดสินใจต้องผ่านชั้นอนุมัติหลายระดับ
จน “ความเร็วในการคิด” กลายเป็นสิ่งหรูหรา
แทนที่จะเริ่มนวัตกรรมจากศูนย์ บริษัทใหญ่จึงเลือก “ซื้อเวลา”
ซื้อทีมที่ทดสอบตลาดแล้วว่ามีศักยภาพ
ซื้อพลังของคนที่ยังมีไฟ และกล้าที่จะลองผิดลองถูก
แต่คำถามสำคัญคือ…
การที่บริษัทใหญ่ซื้อ startup ทุกรายที่ฉายแวว
มันช่วยให้นวัตกรรม “โตเร็วขึ้น” หรือ “ตายเร็วขึ้น” กันแน่?
เมื่อโรงพยาบาลซื้อ Startup: นวัตกรรมที่เติบโต หรือถูกจำกัด?
ในวงการสุขภาพ ภาพแบบเดียวกันกำลังเกิดขึ้น
โรงพยาบาลขนาดใหญ่ หรือกลุ่มทุนสุขภาพ มักลงทุนหรือซื้อกิจการ startup ด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์
ไม่ว่าจะเป็น AI ช่วยวินิจฉัยโรค ระบบข้อมูลคนไข้ หรือแพลตฟอร์ม telehealth
แน่นอน การผนวกนวัตกรรมเหล่านี้เข้ากับระบบบริการขนาดใหญ่
ช่วยให้เกิดการขยายผลได้เร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพในระดับองค์กร
แต่ในอีกมุมหนึ่ง… มันก็อาจกลายเป็นการ “จำกัด” โอกาสการเติบโตของนวัตกรรมโดยไม่รู้ตัว
ในแวดวงเศรษฐศาสตร์นวัตกรรม มีคำเรียกว่า Killer Acquisition
หมายถึงกรณีที่บริษัทผูกขาดซื้อ startup ที่อาจเป็นคู่แข่งในอนาคต
แล้ว “ปิดโครงการนั้นทิ้ง” เพื่อป้องกันการถูกแย่งตลาด
งานศึกษาจาก Yale พบว่า โครงการ R&D ที่ถูกซื้อโดยบริษัทยาใหญ่
มีโอกาสถูกยกเลิกมากกว่าโครงการที่ไม่ถูกซื้อ โดยเฉพาะถ้าเนื้อหาซ้ำกับสินค้าหลักของผู้ซื้อ
อีกงานจาก Springer (2025) วิเคราะห์ว่าการควบรวมในอุตสาหกรรมยา
ช่วยให้นวัตกรรมแบบ “ค่อยเป็นค่อยไป” เกิดขึ้นมากขึ้น
แต่กลับ ลดโอกาสของนวัตกรรมแบบก้าวกระโดด ที่จะเปลี่ยนเกมในอนาคต
เพราะเมื่อ startup ถูกดึงเข้าองค์กรใหญ่
พวกเขาต้องทำตามระบบที่เข้มงวดกว่า มีขั้นตอน มีการรายงานผล และมีกรอบที่ต้อง “อยู่ในรอยเดียวกับธุรกิจหลัก”
ผลคือ ความคล่องตัวและจินตนาการที่เคยขับเคลื่อนนวัตกรรม… ค่อย ๆ จางหายไป
ตัวอย่างจากโลกจริง
Apollo Hospitals ซื้อ Onco, startup ด้านมะเร็ง เพื่อรวมบริการเข้ากับ ecosystem ของเครือตนเอง
Datavant ซื้อ DigitalOwl เพื่อควบคุมตลาดการเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพ
Google ซื้อ Wiz เพื่อเสริมระบบ cloud security แต่ก็ทำให้ startup ในสายเดียวกันหายไปจากตลาด
ในเชิงระบบ นี่คือการซื้อเพื่อ “เสริม” ecosystem
แต่ในเชิงนวัตกรรม บางครั้งมันอาจกลายเป็นการ “ดูด” พลังของไอเดียใหม่ ๆ ออกไปจากตลาดโดยไม่ตั้งใจ
บริบทประเทศไทย
ในไทยเองก็เริ่มเห็นทิศทางลักษณะนี้
หลายเครือโรงพยาบาลและกลุ่มทุนสุขภาพลงทุนใน startup
ที่พัฒนา AI สำหรับช่วยวินิจฉัยโรค, ระบบเวชระเบียนอัจฉริยะ, หรือแพลตฟอร์ม telemedicine
ข้อดีก็คือช่วยให้เกิดการใช้งานจริงได้เร็วขึ้น
แต่ข้อเสียคือ ถ้าระบบเหล่านี้ถูกใช้เฉพาะภายในเครือใหญ่
นวัตกรรมก็จะ “หยุดอยู่ในรั้วเดียว”
แทนที่จะกระจายผลลัพธ์ไปยังโรงพยาบาลระดับภูมิภาค หรือคลินิกชุมชนที่ต้องการเทคโนโลยีเหล่านี้มากกว่า
สิ่งที่เราเห็นในวันนี้ ทั้งในโลกเทคโนโลยีและสุขภาพ
สะท้อนสมการเดียวกัน:
ทุนซื้อแรงงาน — องค์กรซื้อเวลา — ระบบใหญ่ซื้อความกล้า
แต่ถ้าไม่ระวัง การ “ซื้อเพื่อขยาย” อาจกลายเป็น “ซื้อเพื่อหยุด”
เพราะนวัตกรรมไม่ได้เติบโตจากขนาดของเงินทุน
แต่มันเติบโตจาก “อิสระในการทดลอง และความเชื่อว่ามันยังไปได้อีก”
สุดท้าย คำถามสำคัญไม่ใช่ “เราควรซื้อไหม?”
แต่คือ “เราซื้อเพื่ออะไร?”
เพื่อให้มันได้ไปต่อ... หรือเพื่อให้มันหยุดอยู่ตรงนี้?
Big companies buy speed — but true innovation needs freedom to run.
(องค์กรใหญ่ซื้อความเร็วได้ แต่ไม่อาจซื้อ “อิสระของความคิด” ได้เสมอไป)