• home
  • project and work
    • MEDCHIC and SMID
    • SmileMigraine
    • Creative project
    • TEDx Chiangmai
    • ChivaCare
    • Headache Leader
    • JW Herbal
  • bog bog - the ideas blog
  • Video
  • Event/Talk/Award
  • biography
  • contact
  • Menu

surat tanprawate

M.D.
  • home
  • project and work
    • MEDCHIC and SMID
    • SmileMigraine
    • Creative project
    • TEDx Chiangmai
    • ChivaCare
    • Headache Leader
    • JW Herbal
  • bog bog - the ideas blog
  • Video
  • Event/Talk/Award
  • biography
  • contact
surat tanprawate
M.D.

Startup Fog - เมื่อ startup เดินเข้าไปในหมอกควัน

Added on October 4, 2025 by Surattanprawate.

หมอกนั้น… ไม่ได้เห็นชัดในตอนแรก

แต่พอเราเดินลึกเข้าไป — ทุกอย่างเริ่มพร่ามัว

เราคิดว่าเรากำลัง “เดินหน้า”

แต่จริง ๆ แล้ว อาจแค่ “เดินวน” อยู่ที่เดิม

ในโลกของสตาร์ตอัป “หมอก” ที่ว่ามันไม่ใช่ฝุ่นหรือควัน

แต่มันคือความเบลอในใจของคนทำงาน —

ช่วงที่ทุกอย่างเต็มไปด้วยไอเดีย ประชุมไม่หยุด แต่กลับรู้สึกงงกว่าเดิม

อยากทำ แต่เหนื่อย อยากสร้าง แต่ขี้เกียจ

ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ?

พอองค์กรโตขึ้น ฟีเจอร์ต้องออกไวขึ้น ลูกค้าเรียกร้องมากขึ้น นักลงทุนถามเยอะขึ้น

“ความเร็ว” กลายเป็นมาตรฐานใหม่

แต่ไม่มีใครบอกให้ “ชะลอหน่อย”

การประชุม: สัญลักษณ์แห่งความเคลื่อนไหว (แต่บางครั้งแค่ดูเหมือนเคลื่อนไหว)

เรามักคิดว่า

“ประชุม = เคลื่อนไหว”

“คุยเยอะ = ก้าวหน้า”

แต่ในความจริง บางครั้งยิ่งประชุม ยิ่งงง

ไอเดียซ้ำๆ ความเห็นสวนกัน Feedback คนละทาง

สุดท้ายสมองอิ่ม จน “หมอก” เริ่มเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง

จากมุมมองทางสมอง —

เมื่อเราประมวลข้อมูลมากเกินไป สมองจะเริ่ม “ตัดสิ่งที่ใช้พลังงานสูง” ออกไปก่อน

สิ่งที่หายไปก่อนเสมอ คือ “ความคิดใหม่” และ “การไตร่ตรองอย่างลึก”

วิธีเดินให้ชัดขึ้น: หยุดก่อน แล้วค่อยเดินต่อ

ในวงการแพทย์ เขาเรียกว่า “Stop & Think”

หยุด ประเมิน แล้วค่อยให้ยา

ในธุรกิจก็เช่นกัน — การ “หยุดคิดก่อนลงมือ” คือทักษะสำคัญที่คนทำงานเร็วมักมองข้าม

1. กลับมาถามคำถามแก่น ๆ

  • เรากำลังแก้ปัญหาอะไร?

  • ใครอยู่ในห้องนี้ ใครมีสิทธิ์ตัดสินใจ ใครต้องรับผล?

  • ถ้าเราชะลอหรือตัดบางอย่างออก — อะไรจะหายไป และอะไรจะชัดขึ้น?

2. ลดการประชุมที่ไม่จำเป็น

ใช้เวลาน้อยลงกับการถกย่อย

แต่ใช้เวลามากขึ้นกับการตั้งโจทย์ใหญ่ ๆ ที่มีผลจริง

3. ออกแบบการสื่อสารให้มีกรอบ (Framing Communication)

เพราะสมองคนเราจำ “เรื่องราว” ได้ดีกว่า “ข้อมูล”

เล่าให้เห็นภาพ เข้าใจง่าย — นั่นคือหัวใจของการสื่อสารที่มีพลัง

4. ฝึก “การถอยออก” เพื่อมองภาพรวม

ตั้ง “วันไม่มีประชุม” เพื่อให้ทีมได้พัก

หรือทำ “รีเฟล็กชันสั้น ๆ” ทุกสิ้นสัปดาห์ —

ถามกันตรง ๆ ว่า “อะไรดีขึ้น?” และ “อะไรพัง?”

บางครั้ง การเดินหน้าจริง ๆ

คือการ “หยุด” เพื่อมองให้เห็นว่าทางข้างหน้าคือทางไหน

← Newer: Why Monopolies Buy Innovation - cure or kill Older: คุณมุ่งที่เป้าหมาย แต่ผมสร้างระบบ : ทำไม ระบบ (system) สำคัญกว่า เป้าหมาย (goal) →
Back to Top