• home
  • project and work
    • MEDCHIC and SMID
    • SmileMigraine
    • Creative project
    • TEDx Chiangmai
    • ChivaCare
    • Headache Leader
    • JW Herbal
  • bog bog - the ideas blog
  • Video
  • Event/Talk/Award
  • biography
  • contact
  • Menu

surat tanprawate

M.D.
  • home
  • project and work
    • MEDCHIC and SMID
    • SmileMigraine
    • Creative project
    • TEDx Chiangmai
    • ChivaCare
    • Headache Leader
    • JW Herbal
  • bog bog - the ideas blog
  • Video
  • Event/Talk/Award
  • biography
  • contact
surat tanprawate
M.D.

Full stack business developer "the everything man"

Added on March 14, 2025 by Surattanprawate.

ในยุคสมัยหนึ่ง มีคำกล่าวว่า “อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล” คำกลอนจากพระยาศรีสุนทรโวหาร หมายถึง หากเราสนใจอะไร ขอให้ทุ่มเทศึกษาในเรื่องนั้นอย่างลึกซึ้ง จนมีความเชี่ยวชาญศาสตร์ในเรื่องนั้นๆ นั่นจริง ในยุคสมัยหนึ่ง ยุคที่การแข่งขันอาศัยความเชี่ยวชาญเชิงลึก ยุคที่ความเชี่ยวชาญหายากและเป็นที่ต้องการสูงสุด แต่มันจะใช้ได้ในยุคนี้และวงการธุรกิจนวัตกรรมหรือไม่ ?

ธุรกิจนวัตกรรม เป็นธุรกิจที่มีข้อได้เปรียบสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเป็นเงาตามตัว ยิ่งเทคโนโลยีเชิงลึก ยิ่งมีข้อได้เปรียบมาก แต่เทคโนโลยีเชิงลึกมันคู่กับการเปิดตลาดใหม่ ตลาดที่เป็นน่านน้ำสีคราม ตลาดที่ยังไม่ค่อยมีใครเข้าถึง แต่ก็รวมถึงการตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าด้วย และคนที่ทำธุรกิจนวัตกรรมเชิงลึกนี้ มักเป็นนักวิจัย ที่อยู่ในขอบเขตเชี่ยวชาญเฉพาะตัว เมื่อต้องมาทำธุรกิจที่ต้องอาศัยทักษะคนละแบบ การก้าวเข้ามาเป็น founder หรือผู้ก่อตั้งธุรกิจ จึงไม่ใช่เส้นทางที่เรียบง่ายนัก

การ run ธุรกิจใหม่ คนที่เป็นผู้ก่อตั้ง ต้องมีทีมงานที่มีความชำนาญเฉพาะเรื่อง เพื่อช่วยเหลือและเติมเต็มในส่วนที่ขาดและพยุงธุรกิจให้ไปได้ดี แต่กระนั้น คนที่เป็นผู้ก่อตั้งและผู้ร่วมก่อตั้ง ก็ต้องเข้าใจกระบวนการธุรกิจให้ครบองค์ประกอบทุกระดับ จะขาดส่วนใดไปไม่ได้ เราเรียกผู้ก่อตั้ง หรือ ผู้ดำเนินธุรกิจที่เข้าใจทุกองค์กระกอบของธุรกิจนั้นว่า “Full Stack Business Developer” หรือ “นักพัฒนาธุรกิจแบบเต็มรูปแบบ” นั่นเอง

Full Stack - From Coding to CEO

ในภาษาของเทคโนโลยี "Full-Stack Developer" หมายถึงบุคคลที่เข้าใจวิธีการเขียนโค้ดในทุกระดับของระบบคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่กระบวนการเซิร์ฟเวอร์ พื้นฐานของการเขียนโปรแกรมฝั่ง backend โครงสร้างฐานข้อมูล ไปจนถึงการออกแบบฝั่ง frontend พวกเขาเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร เพราะสามารถทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่เชื่อมโยงระหว่างแต่ละชั้นของระบบได้

Full-Stack Developer สามารถเป็นกำลังสำคัญของทีม ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด การวิเคราะห์ปัญหาที่ยากและซับซ้อนที่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านยังแก้ไม่ได้ หรือแม้กระทั่งการพัฒนา MVP (Minimum Viable Product) อย่างรวดเร็ว

ขอแนะนำแนวคิดของ "ยูนิคอร์น" ในอีกแบบหนึ่ง: Full-Stack Business Development (Full-Stack BD)

บุคคลที่เป็น Full-Stack BD เข้าใจความซับซ้อนและปฏิสัมพันธ์ของแต่ละชั้นในกระบวนการสร้างมูลค่าในระยะยาว 🚀

ชั้นต่างๆ ของการพัฒนาเชิงธุรกิจแบบ Full-Stack

เช่นเดียวกับที่ Full-Stack Developer ทำงานข้ามหลายระดับของเทคโนโลยี Full-Stack Business Developer (Full-Stack BD) ก็ทำงานในหลายมิติของธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าระยะยาวและการเติบโตที่ยั่งยืน

นี่คือแต่ละชั้นของ Full-Stack BD:

1. ชั้นของลูกค้า (Customer Layer)

Full-Stack BD เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง โดยพวกเขาจะ:

  • ระบุ pain points (จุดเจ็บปวดของลูกค้า) ความต้องการ และแรงจูงใจของลูกค้า

  • เก็บข้อมูลเชิงลึกผ่านการวิจัย การพูดคุยโดยตรง และการวิเคราะห์ข้อมูล

  • ทำให้แน่ใจว่าความร่วมมือทางธุรกิจ การขาย และผลิตภัณฑ์สอดคล้องกับความคาดหวังของลูกค้า

Full-Stack BD ในบริษัท SaaS อาจวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้เพื่อปรับปรุงกระบวนการ onboarding และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่ช่วยเพิ่ม customer retention (อัตราการคงอยู่ของลูกค้า) แทนที่จะมุ่งเน้นเพียงแค่รายได้ระยะสั้น

2. ชั้นของผลิตภัณฑ์ (Product Layer)

ชั้นนี้เกี่ยวข้องกับการที่ผลิตภัณฑ์หรือบริการช่วยแก้ปัญหาของลูกค้าได้อย่างไร โดย Full-Stack BD จะ:

  • ทำงานใกล้ชิดกับทีมผลิตภัณฑ์เพื่อมีอิทธิพลต่อการพัฒนา features

  • สร้างพันธมิตรที่ช่วยเพิ่มคุณค่าของผลิตภัณฑ์

  • กำหนด positioning (การวางตำแหน่งของผลิตภัณฑ์) ในตลาดให้เหมาะสม

หากลูกค้ารู้สึกว่าการใช้งาน integration (การเชื่อมต่อระบบ) ยุ่งยาก Full-Stack BD อาจผลักดันให้เกิด API partnerships ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ใช้งานร่วมกับระบบอื่นได้ง่ายขึ้น

3. ชั้นของกลยุทธ์ (Strategy Layer)

ก่อนที่จะลงมือทำ Full-Stack BD จะต้องประเมินมูลค่าและทิศทางระยะยาว โดยพวกเขาจะ:

  • วิเคราะห์ว่าควรสร้างพันธมิตรทางธุรกิจหรือพัฒนาโซลูชันภายในเอง

  • ทำให้แน่ใจว่ากลยุทธ์ BD สอดคล้องกับเป้าหมายโดยรวมของบริษัท

  • สร้างสมดุลระหว่างการสร้างรายได้ระยะสั้นและการเติบโตที่ยั่งยืน

สตาร์ทอัพ อาจต้องการสร้างพันธมิตรจำนวนมากอย่างรวดเร็ว แต่ Full-Stack BD จะให้ความสำคัญกับพันธมิตรที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และสามารถขยายขนาดธุรกิจได้ในระยะยาว

4. ชั้นของมนุษย์ (Human Layer)

หัวใจของการพัฒนาเชิงธุรกิจคือ การสร้างความสัมพันธ์ โดย Full-Stack BD จะ:

  • สร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์กับ stakeholders (ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย)

  • สื่อสารคุณค่าให้ทั้งบุคคลและองค์กรเข้าใจ

  • สร้าง connections ที่ลึกซึ้งกว่าความสัมพันธ์แบบธุรกรรมทั่วไป

แทนที่จะมุ่งเน้นเพียงการปิดดีล Full-Stack BD จะสร้างความสัมพันธ์ที่ทำให้พันธมิตรยังคงสนใจและมีส่วนร่วมกับบริษัทในระยะยาว

5. ชั้นของความสัมพันธ์ (Relationship Layer)

นี่คือไดนามิกของการให้และรับใน business development โดย Full-Stack BD จะ:

  • ทำให้แน่ใจว่าทุกความร่วมมือให้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

  • รู้ว่าเมื่อใดควรให้ความสำคัญกับบริษัท และเมื่อใดควรให้ความสำคัญกับพันธมิตร

  • รักษาการไหลเวียนของคุณค่าให้ยั่งยืน เพื่อให้ทุกฝ่ายยังคงมีส่วนร่วม

Full-Stack BD ที่กำลังเจรจาข้อตกลงการกระจายสินค้า (distribution deal) จะต้องทำให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์อย่างสมดุล ไม่ให้เกิดความไม่พอใจหรือข้อตกลงที่เอื้อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากเกินไป

ทำไม Full-Stack Business Development ถึงสำคัญ?

หลายคนเชี่ยวชาญเพียงบางชั้นของธุรกิจ เช่น การขาย (Sales), พันธมิตรทางธุรกิจ (Partnerships), หรือการตลาด (Marketing) แต่ Full-Stack BD มองเห็นภาพรวมทั้งหมด พวกเขาสามารถ:

  • เชื่อมโยง customer needs กับ product solutions

  • สร้าง partnerships ที่มีคุณค่าจริง ไม่ใช่แค่ดีลที่ดูดี

  • คิดเชิงกลยุทธ์ก่อนลงมือทำ ลดการใช้ทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์

  • สร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าธุรกรรมทั่วไป

Full-Stack BD ไม่ได้มีเส้นทางอาชีพที่ตายตัว พวกเขาอาจมาจากสายงาน Sales, Marketing, Finance, หรือแม้แต่กฎหมาย แต่ การเชี่ยวชาญทั้ง 5 ชั้น คือสิ่งที่แยก BD ระดับดี ออกจาก BD ระดับยอดเยี่ยม

Reference: https://www.forbes.com/sites/scottpollack/2013/04/02/full-stack-business-development/

In Business, Innovation, startup Tags Business, startup
← Newer: ยิ่งผิดพลาดยิ่งเรียนรู้ : การทดลองในชีวิตจริง ทำให้ฉลาดและสำเร็จ Older: เราหลงลืมความเรียบง่าย ไปหรือเปล่า →
Back to Top