ICL

คำนิยามระดับความสามารถด้านนวัตกรรม (Innovation Capacity Level - ICL)
กรอบการประเมินนี้แบ่งระดับความสามารถด้านนวัตกรรมออกเป็น 4 ชั้น โดยใช้คะแนนรวมจาก 3 มิติ คือ ความแปลกใหม่ (Novelty), ผลกระทบทางธุรกิจ (Business Impact) และ ศักยภาพการขยายผล (Scalability) แต่ละมิติให้คะแนน 1–5 (รวมกันได้ 3–15 คะแนน) แล้วจัดอยู่ในหนึ่งใน 4 ชั้น ดังนี้:

ชั้นระดับ (Tier)

  • Tier 0 (คะแนน 3–6): การปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
    ทำการปรับแต่งหรือปรับปรุงกระบวนการเดิมเล็กน้อย เน้นเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่มีองค์ประกอบ “ใหม่” ชัดเจน

  • Tier 1 (คะแนน 7–9): นวัตกรรมเชิงเสริม (Incremental Innovation)
    เพิ่มเติมหรือปรับปรุงคุณสมบัติของโซลูชันที่มีอยู่ เช่น เร่งความเร็ว ลดข้อผิดพลาด หรือเสริมฟีเจอร์เล็กๆ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

  • Tier 2 (คะแนน 10–12): นวัตกรรมเชิงสถาปัตยกรรม/ก่อกวน (Architectural/Disruptive Innovation)
    นำเทคโนโลยีหรือกระบวนการเดิมมาผสมผสานในรูปแบบใหม่ สร้างคุณค่าใหม่ที่สำคัญ และอาจเปลี่ยนโครงสร้างการทำงานหรือแบ่งตลาด

  • Tier 3 (คะแนน 13–15): นวัตกรรมเชิงปฏิวัติ (Radical/Transformative Innovation)
    ความคิดหรือเทคโนโลยีใหม่ที่ก่อให้เกิดตลาดใหม่ทั้งหมด หรือปฏิวัติอุตสาหกรรม สร้างผลกระทบระดับโลก

วิธีให้คะแนน

  1. ความแปลกใหม่ (Novelty)
    – 1 = ไม่มีความแปลกใหม่ (ปรับแต่งเล็กน้อย) … 5 = แนวคิดใหม่สิ้นเชิง

  2. ผลกระทบทางธุรกิจ (Business Impact)
    – 1 = ผลกระทบน้อยมาก … 5 = เปลี่ยนอุตสาหกรรมได้

  3. ศักยภาพการขยายผล (Scalability)
    – 1 = ขยายผลได้ในทีมเล็กๆ … 5 = ขยายผลได้ทั่วโลกและหลายอุตสาหกรรม

เมื่อประเมินแต่ละโครงการตาม 3 มิตินี้ แล้วรวมคะแนนทั้งหมด จะได้ตัวเลขที่นำไปจัดระดับ ICL ได้อย่างรวดเร็วและเป็นระบบ ว่าโครงการนั้นอยู่บนสเปกตรัมระหว่างการปรับปรุงกระบวนการเล็กน้อย ไปจนถึงนวัตกรรมเปลี่ยนโลกอย่างไรบ้างครับ

Hello, World!

เครื่องคำนวณระดับนวัตกรรม (ICL)