• home
  • project and work
    • MEDCHIC and SMID
    • SmileMigraine
    • Creative project
    • TEDx Chiangmai
    • ChivaCare
    • Headache Leader
    • JW Herbal
  • bog bog - the ideas blog
  • Video
  • Event/Talk/Award
  • biography
  • contact
  • Menu

surat tanprawate

M.D.
  • home
  • project and work
    • MEDCHIC and SMID
    • SmileMigraine
    • Creative project
    • TEDx Chiangmai
    • ChivaCare
    • Headache Leader
    • JW Herbal
  • bog bog - the ideas blog
  • Video
  • Event/Talk/Award
  • biography
  • contact
surat tanprawate
M.D.

โลกมันเปลี่ยนไป

Added on February 20, 2024 by Surattanprawate.

ลุงขายเต้าฮวยเสวยมากว่า 40 ปีแล้ว ยังนั่งที่เดิม ดูภูเขาลูกเดิม

โลกมันเปลี่ยนไปเยอะ ลุงบอก

แต่ภูเขา เหมือนเดิมเลย

อจ: ปีนี้ดีนะ ไม่มีฝุ่น

ลุง: ใช่ กทม. กลับมามีฝุ่นแทน นะ เวียนกันไป

วิ่งทุกวันเลยเหรอหมอ

อจ: อืม พยายามนะครับ สะสมวันละนิดหน่อยไม่โหม เพื่อนบอก ให้สมัคร Fitness เนี่ย จริงๆ ก็ อยากมีกล้ามนะ แต่ขี้เกียจ

ลุง: เอาที่สบายใจ อะไรทำได้ ทำไปก่อน สะสมไป มันจะดีเอง ไม่ต้องไปฝืนความรู้สึกมาก พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว

เช้านี้ คนไข้ โรคสมอง 185 คน

อย่าไปเครียดมาก พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว

- อจ สุรัตน์

Comment

จงรักในโชคชะตาของคุณ ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไรก็ตาม

Added on February 20, 2024 by Surattanprawate.

'จงรักในโชคชะตาของคุณ'

ไม่ว่าชะตากรรมของคุณจะเป็นเช่นไร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณก็จะพูดว่า 'นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ' อาจดูเหมือนเป็นซากปรักหักพัง แต่ให้ทำราวกับว่ามันเป็นโอกาส ความท้าทาย หากคุณนำความรักมาสู่ช่วงเวลานั้น ไม่ใช่ความท้อแท้ คุณจะพบว่าความเข้มแข็งอยู่ที่นั่น ภัยพิบัติใดๆ ก็ตามที่คุณสามารถเอาชีวิตรอดได้คือการปรับปรุงบุคลิกลักษณะ รูปร่าง และชีวิตของคุณ

เมื่อมองย้อนกลับไปในชีวิต คุณจะเห็นว่าช่วงเวลาที่ดูเหมือนจะเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ตามมาด้วยซากปรักหักพังคือเหตุการณ์ที่หล่อหลอมชีวิตที่คุณมีอยู่ในปัจจุบัน คุณจะเห็นได้ว่านี่เป็นเรื่องจริง ไม่มีอะไรสามารถเกิดขึ้นกับคุณแล้วสูญเสียไปถาวร ทุกสิ่งล้วนก่อกำเนิดสิ่งใหม่

แม้ว่าขณะนี้จะดูและรู้สึกเหมือนเป็นวิกฤตด้านลบ แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น วิกฤติจะทำให้คุณหยุด และเมื่อคุณจำเป็นต้องแสดงความแข็งแกร่ง มันก็จะออกมาเผชิญ

~ อจ สุรัตน์

มีครั้งหนึ่ง ที่ เหนื่อย และ fail มองหน้าตัวเองในกระจก เออ ชีวิตแย่จริงๆ หัวเราะกระจกสะท้อน แล้ว พูดกลับไปว่า It's life. ชีวิตมันก็เป็นงี้แหละ Let enjoy the game

Comment

เมื่อเราพอใจสิ่งที่ไม่น่าพอใจ : มารู้จักกับ Dorito Theory กับการแสวงหาความรัก ที่ไม่รู้จักพอ

Added on February 17, 2024 by Surattanprawate.

ลองนึกภาพ ที่คุณกำลังกินขนมขบเคี้ยวแบบซองแล้วซองเล่า หวังว่าจะรู้สึกอร่อย อิ่มเอม แต่ความรู้สึกนั้นก็ไม่มาถึง เอามาเคี้ยวอีกสิ เอามาอีกสิ เมื่อมันหมดห่อที่คุณกักตุนเอาไว้ ก็บ่นตัวเอง นี่ฉันบ้าสวาปามเข้าไปได้ยังไงตั้ง 7 ซอง พับผ่าเถอะ นี่มัน junk food

หรือการใช้เวลาหลายชั่วโมงเลื่อนดูโซเชียลมีเดีย ไถฟีด ไถไปหน้าแล้วหน้าเล่า ได้เจอวิดีโอที่พึงใจบ้าง ไม่พึงใจบ้าง แต่ความพึงพอใจไม่มีที่สิ้นสุดแล้วก็ถึงเวลาที่โยนเจ้าโทรศัพย์และวิดีโอที่แทะกินเวลาไป โอ๊ย มันน่าโมโห นี่ฉันเสียเวลากับเจ้านี้ไป 4 ชั่วโมง ความสุขที่ผ่านไปถูกทดแทนด้วยการเสียดายเวลา

สิ่งที่ควบคุมพฤติกรรมที่ไม่น่าพอใจ แต่กินเวลาคุณไปเรื่อย ๆ มันอยู่ sub-consciuos มันคือแรงผลักดันที่ไม่เคยพอ เราเรียกมันว่า ทฤษฎี Dorito

ทฤษฎี Dorito: อธิบายแรงดึงดูดของสิ่งที่ "ไม่" น่าพอใจ

ทฤษฎีใหม่กำลังโด่งดังบน TikTok และไม่ใช่ท่าเต้นสุดฮิตหรือวิดีโอแมวตลกๆ แต่มันเป็น "ทฤษฎี Dorito" ที่พูดถึงเรื่องใกล้ตัวของเรามากกว่า นั่นคือ ความโน้มเอียงของเราที่จะแสวงหาสิ่งต่างๆ ที่ "ไม่" น่าพอใจอยู่เสมอ

ทฤษฎีนี้ถูกทำให้โด่งดังโดย Celeste Aria ผู้ใช้ TikTok เธอบอกว่า

”เราต่างคิดว่า เราอยากทำสิ่งที่พึงพอใจ และนั่นน่าจะสร้างประสบการณ์ที่ดีใช่ไหมหละ แต่ประสบการณ์ที่ "ไม่" น่าพอใจอย่างแท้จริง กลับมีศักยภาพในการเสพติดสูงสุดยิ่งเสียกว่า”

สมองของเรามีส่วนเกี่ยวข้อง ดร. Jamie Sorenson จิตแพทย์สนับสนุนว่า ทฤษฎี Dorito สอดคล้องกับทฤษฎีการเสพติดและพฤติกรรมอื่นๆ โดยที่สมองเรามันเสพติดความไม่พอใจและแสวงหา เสมือนเสพติดการพยายามค้นหาระหว่างทาง มันยิ่งกว่าความพึงพอใจเสียอีก

เปรียบเหมือนกับความกรอบอร่อยของ Doritos เจ้าขนมกรุบกรอบ ที่ไม่ได้มีคุณค่าทางอาหารอะไรสักเท่าไหร่ และเมื่อคุณเคี้ยวมันหมด ความสนุกที่หายวับไปในพริบตา ทำให้คุณอยากกินต่อ ประสบการณ์บางอย่างดึงดูดเราไว้โดยการแสวงหาความสุขให้ แต่ไม่เคยให้จริง

เราคือเหยื่อแห่งธรรมชาติ

รางวัลที่ "รวดเร็ว" ยิ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการที่จะทำซ้ำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกิน Doritos การเสพยา หรือการเลื่อนดูโซเชียลมีเดีย คือรู้ว่ามันไม่ดี แต่การแสวงหานี่แหละคือสิ่งที่อยู่ภายใต้จิตใจมนุษย์

เรื่องของพร การอยากได้ความรัก จนจบมาที่ความตาย

จากข่าวความสัมพันธ์ของน้องพรที่คบซ้อนจนนำมาสู่โศกนาฎกรรมก็เป็นผลจากการแสวงหาสิ่งที่ให้ความสุขที่ไม่จีรังแม้ว่ามันเป็นสิ่งไม่ดี แต่ก็ตกเป็นทาสแห่งการแสวงหาด้วย romantic love ชั่วคราว

ต่างตกเป็นทาส Dopamine เจ้า Hormone แห่งความกระหายอยาก

นอกจากนี้ คุณอาจเคยต้องทนอยู่ต่อในความสัมพันธ์ที่ไม่ดี หรือ toxic relationship นานกว่าที่ควรจะเป็นไหม?

เพราะแม้ว่าเราจะรู้ถึงสถานการณ์ที่มันไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อสภาพจิตใจเลย แต่คุณต้องจำนนต่อความต้องการลองไปต่อไปวัน ๆ

สมองมันเหมือนสร้าง condition ว่าต้องทดสอบร่างกายและจิตใจของเรา ใช่แล้ว จนมันขาดสะบั้นนั่นแหละ

รู้เท่าทันสมองกับทฤษฎี Dorito

การรู้ความจริงทางธรรมชาติและทฤษฎีนี้ช่วยให้เราเข้าใจความต้องการและจุดอ่อนของตัวเองมากขึ้นเมื่อเราหลงเข้าไปสู่กับดักบางอย่าง

เมื่อเราตระหนักถึงวัฏจักรของความพึงพอใจที่ไม่สมบูรณ์ เราสามารถตัดสินใจได้อย่างมีสติมากขึ้น และเลือกสิ่งที่ "ดี" ต่อตัวเรา มิใช่กระบวนการที่ไม่ดี ไม่พึงพอใจที่จะลากเราเข้าไปวนลูป

จงจำไว้ จงแสวงหาความพึงพอใจที่ได้ประโยชน์ นั่นจึงเป็นสิ่งที่เป็นความสุขที่แท้จริง

In Life
Comment

Stoic cafe - เรื่องเล่าจากการวิ่งผ่านร้านกาแฟสโตอิก

Added on February 1, 2024 by Surattanprawate.

D1

วันนี้วันพุธ ได้ตื่นไปวิ่งเห็นร้านกาแฟร้านหนึ่งชื่อ stoic cafe มีเมนูอาหารต้ังอยู่หน้าร้าน เป็นขนมกินง่าย ๆ มีครีมและสตอเบอรี่สีสด ร้านเปิดตั้งแต่เช้า แต่ยังไม่มีใครเข้า

ชื่อร้าน Stoic ไม่รู้ว่าเจ้าของร้านชื่นชอบปรัชญาแขนงนี้เป็นพิเศษ หรือ ตั้งชื่อเพราะอยากให้ cafe นี้นั่งแล้วดื่มด่ำกับการดำเนินชีวิตแบบเพ่งพินิจ หรือ แค่ชื่อฟังแล้วมันเก๋ดี ก็ไม่ทราบ

Stoicism หรือปรัชญาสโตอิก เป็นแขนงของปรัชญา ที่มุ่งเน้นไปที่ ความเข้าใจตนเอง การงาน การใช้ชีวิต การเกิดมา และการมีความสุข

ในความยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จทางตำแหน่ง ชีวิต หรือหน้าที่การงาน จะมีคำถามผุดมาในหัวเสมอ เรามีชีวิตที่มีความสุขแล้วหรือ นั่นเป็นคำถามที่เป็นเชิงปรัชญา บางคนคิดว่า ถามทำไม มันปวดหัว แต่คำถามนี้ ทำให้การดำรงค์อยู่มีความหมาย ไม่ว่าเราจะก้าวสู่จุดสูงสุดทางโลกเพียงใด แต่มันไม่ได้เป็นตัววัดว่า เราได้ถึงจุดมุ่งหมายในการดำรงค์อยู่นั้นแล้ว

ก็ไม่น่าแปลกใจที่ การเดินทางภายใจจิตใจภายใต้การนำของปรัชญาสโตอิกจะเป็นเทียนส่องทางของผู้นำแขนงต่างๆ ระดับโลก กษัตริย์ ประธานาธิบดี ศิลปิน นักคิด นักเขียน และผู้ประกอบการ เช่น มาร์คัส ออเรลิอุส. เฟรดเดอริกมหาราช, มงแตญ, จอร์จ วอชิงตัน, โธมัส เจฟเฟอร์สัน, อดัม สมิธ, จอห์น สจ๊วต มิลล์, ธีโอดอร์ รูสเวลต์, นายพลเจมส์ แมตทิส ล้วนได้รับอิทธิพลการตรึกตรงครุ่นคิดอันแหลมคม มาจากปรัชญาสโตอิกทั้งสิ้น

จุดกำเนิดสโตอิก: แนวคิดที่เปลี่ยนแปลงโลกมักเกิดจากเรื่องราวธรรมดา

ประมาณ 304 ปีก่อนคริสตกาล พ่อค้าชื่อ Seno ประสบเรืออับปางระหว่างการเดินทางเพื่อค้าขาย เขาสูญเสียเกือบทุกอย่าง เมื่อเดินทางไปเอเธนส์ เขาได้รับการแนะนำให้รู้จักกับปรัชญาโดยนักปรัชญา Cynic Crates และนักปรัชญาชาว Megarian Stilpo ซึ่งเปลี่ยนชีวิตของเขา ดังที่นักปราชญ์พูดติดตลกในเวลาต่อมาว่า

"ฉันเดินทางอย่างรุ่งเรืองเมื่อฉันประสบเรืออับปาง"

นั่นเป็นคำพูดง่ายๆ ให้ฉุกคิดเมื่อชีวิตเจออุปสรรค มันหน่อรากให้เราเติบโต มันคือแรงผลักให้โลกเคลื่อนไปข้างหน้าของทุกสรรพสิ่ง มันคือความจริงที่พบทุกเมื้อเชื่อวัน แจ่หากเราไม่ได้คิด เราก็แค่หลงลืมมันไป

สิ่งเหล่านี้ มันคือวิถีชีวิตของพวกเราหรือ?

เมื่อการค้นพบความหมายได้จากสิ่งที่เรียบง่ายและประสบทุกเมื่อเชื่อวัน ผู้ที่ตรึกตรองเท่านั้นจะเข้าใจความเป็นไปและรู้ซึ้งได้

การเข้าใจโลก คือ การเข้าใจตนเอง การเข้าใจตนเอง คือการวางรากฐานให้ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง

รากฐานหรือแก่นของ สโตอิด วางอยู่บนอิฐอันแข็งแกร่งทั้งสี่ก้อน ได้แก่

ความกล้าหาญ.

ความพอประมาณ

ความยุติธรรม.

ภูมิปัญญา.

ความกล้าหาญ (Courage)- more than being Brave

ความกล้าหาญ ซึ่งคือความสามารถในการควบคุมจิตใจไม่ให้กลัวกับสิ่งที่อันตรายหรือสถานะการที่อาจเป็นอันตราย  หรือ courage อาจหมายรวมถึงการมีจิตใจเข้มแข็งมั่นคง นั้นก็คือความสามารถที่สามารถควบคุมจิตใจให้มั่นคงเข้มแข็งกับสถานะการหรือเหตุการณ์ที่ไม่ดีหรือเลวร้าย

ความกล้าหาญกินความมากกว่าความกล้าได้กล้าเสีย คือสิ่งที่ทำให้คุณเดินหน้าไปสู้ชีวิตอย่างท้าทาย จงกล้าที่จะเปลี่ยน ทั้งสิ่งที่เป็นปัจจัยภายนอก ที่เริ่มจากความกล้าหาญภายใจ ในชีวิตจริง เราจะเผชิญเรื่องให้ต้องตัดสินใจตลอดเวลา แม้สิ่งที่เราคิดว่าดี บางครั้งเรากลับเขลาขาดเพราะกลัวการเปลี่ยนแปลง นั้นที่อยู่นิ่ง มีแต่ตกตะกอน จงเป็นน้ำตกที่ไหลหลาก มันจะนำพาชีวิตไปสู่สิ่งใหม่ ไม่ว่าสิ่งใหม่นั้น จะเป็นไปดังใจหวังหรือไม่ แต่การได้เปลี่ยนผ่านด้วยความกล้า นั่นคือการประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว

ความพอประมาณและความสุขุม (Temperance) - more than moderation and sobriety เราต่างถูกแรงผลักดันการดำเนินชีวิตจากแรงกระตุ้นและขับเคลื่อนภายใน บางครั้งเราไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ มนุษย์นั้นแม้ว่าจะมีการพัฒนาสมองให้รู้คิด รู้ตรึกตรองตัวเอง แต่นั่นก็ไม่อาจเอาชนะแรงกระตุ้นทางธรรมชาติได้หรอก เราจึงอยากได้ อยากมี อยากแข่งขัน นำไปสู่ความไม่รู้จักพอ เราไม่ได้บอกให้อยู่อย่างยากจน หรือยึดติดกับที่เดิม แต่ความพอประมาณ คือการฝึกให้มีสติ ตรึกตรองและชั่งใจ

ความยุติธรรม (Justice) - doing what’s right จงทำสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าความถูกต้องคือสิ่งที่คุณอาจทึกทักนึกคิด แต่มาตรฐาน ค่านิยม ของความเป็นสังคมมนุษย์จะมีมาตรวัดอยู่ระดับนึง การทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง นอกจากคุณไม่ซื่อสัตย์ต่อเพื่อมนุษย์และโลกแล้ว คุณก็ยังไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเองด้วย การทรยศหักหลังต่อตัวเองและเพื่อนร่วมโลก คือการฝึกใจให้จมดิ่งไปสู่ความดำมืดและความชั่ว

ภูมิปัญญา (Wisdom)…ภูมิปัญญา เป็นมากกว่าความจริงและความเข้าใจ? เป็นสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น เป็นความรู้ที่หาไม่ได้เพียงเพราะอ่าน เพียงเพราะฟัง เพียงเพราะเขียน แต่มันเกิดจากการประมวณความรู้มาตรึกตรอง และปฎิบัติ และผนวกเข้ากับการดำเนินชีวิตของท่านเอง เข้าใจอย่างลึกซึ้ง มันเป็นแบบนี้เอง สิ่งเหล่านี้ล้วนคือการเข้าใจการเป็นไปของโลกอย่างแท้จริง ตามเป้าหมายของปรัชญา

/ อจ สุรัตน์

In Life, Philosophy Tags stoic
Comment

แค่นึกถึง : เมื่อความรักคือการปล่อยวาง ไปตามทางที่ควรเป็น

Added on January 23, 2024 by Surattanprawate.

“You can love someone and still choose to say goodbye to them. You can miss a person everyday and still be glad that they are no longer in your life”

คุณสามารถที่จะรักใครสักคนนึงแต่ก็ยังเลือกที่จะบอกลาเขา คุณยังถวิลหาเขาคนนั้นทุกวันแต่ก็ยังมีความยินดีที่เลือกที่จะอยู่โดยปราศจากเขาในชีวิต”

- Tava Westover

เมื่อความรักอาจหมายถึงการปล่อยวาง ไปตามทางที่ควรจะเป็น

ความรักถูกสร้างสรรค์เสมือนแรงดึงดูดทางธรรมชาติ สร้างตัวตน จุดหมายและอารมณ์ยึดมั่น แต่คุณสามารถรักใครในขณะที่ปล่อยให้เขาจากไปจากชีวิตได้หรือ

Tara Westover นักเขียนจากหนังสือ “Educated” หรือ “การเรียนรู้” ได้กล่าวเอาไว้ว่า ความรักอาจไม่ใช่การโอบกอดไว้ในอ้อมกอดของเราแต่บางครั้งการบอกลา กลับเป็นการบอกรักที่ถูกต้องที่สุด

เราตระหนักว่ารักแท้บางครั้งอาจหมายถึงการปล่อยวางเช่นกัน เป็นการตระหนักว่าความรักเพียงอย่างเดียวไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ได้เสมอไป และการให้คุณค่ากับความรู้สึก ชีวิตของเราเอง แม้แต่เมื่อต้องบอกลาคนที่เราห่วงใย ก็เป็นการแสดงความรักและเคารพตนเอง เป็นการเข้าใจว่าความคิดถึงใครสักคนอย่างลึกซึ้งไม่ได้ลบล้างเหตุผลที่ถูกต้องในการปล่อยวาง และการเยียวยาจากสูญเสียไม่ได้ลดทอนความรักที่เราเคยมีร่วมกัน

ดอกไม้ที่บอบบาง เราอาจรักความงามของมันและดูแลมันด้วยความเอาใจใส่ แต่หากมันเหี่ยวเฉาในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม การย้ายปลูกไปยังพื้นที่ใหม่อาจทำให้เบ่งบานและเรายังคงรักมัน แม้จะมองด้วยสายตาที่อยู่ห่างไกลก็ตาม

In Life Tags life
Comment

the Dramatic Brain: สมองดราม่า

Added on December 27, 2023 by Surattanprawate.

ระวัง เสพแต่ข่าวดราม่า พาสมองเสียหาย

ขอบตาคล้ำไหม สมองไม่ได้พัก ไม่ได้ผ่อน ร่างกายเพลียไม่ทราบเหตุ ข่าวลุงพล ข่าวฆ่ากันตาย ข่าวฟ้องร้องกัน ดราม่าไม่เว้นวัน มันมีผลต่อร่างกาย ไม่ว่าจะชาวเน็ตหรือเหล่าอินฟลูเอ็นเซอร์ตามกระแส ย่ำแย่ ไม่แพ้กัน

พฤติกรรมพาสมองเสีย ร่างกายโรคเร้า

ในโลกที่โสตประสาทถูกเร้าด้วยข่าวสารที่แย่งชิงความสนใจของเราไม่เว้นแต่ละวัน ไม่สิ ไม่เว้นแต่ละนาที แน่นอนว่าประเด็นที่ดึงความสนใจ กระตุ้นความตื่นตัว และตื่นกลัว กระหายอยากรู้และติดตาม Dramatic News ใช่แล้ว ประเด็นดราม่า  มันกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ เรากำลังเสพสื่อ หรือ สื่อกำลังเสพเรา

ผลของการเสพข่าวดราม่า สิ่งเร้า มีผลเสียกว่าที่เราคิด สมองส่วนอารมณ์ที่ถูกกระตุ้น เป็นสมองส่วนลึกโบราณ ที่เรียกว่า อะมิกดาลา amygdala จากวิวัฒนาการก่อนที่สมองส่วนตรึกตรองฟรอนทัล (frontal lobe) พัฒนา สมองส่วนนี้ คือสมองตอบสนองต่ออารมณ์ในการเอาตัวรอดโดยหลั่งสารเครียด คอร์ติซอล cortisol   ในสัตว์นักล่านี่คือสมองส่วนที่ทำให้เกิดการล่าเหยื่อ ในเหยื่อ นี่คือสัญชาตญาณของการตื่นตัวและหนี แต่ในคน เรากำลังใช้สิ่งนี้เพื่อเป็นเครื่องมือของการตลาด ความชื่นชอบและผลประโยชน์ และกลับไปสู่ยุคดึกดำบรรพ์

Tribune brain สมองส่วนลึกที่รอคอยการกระตุ้น

แม้ว่าการแบ่งสมองในปัจจุบันจะมีความซับซ้อนสูง แต่ทฤษฎีการแบ่งสมองเป็นสามส่วนตามการพัฒนาและวิวัฒนาการที่เรียกว่า Tribune brain ก็ยังนำมาใช้เสมอ

Triune brain  ถูกแนะนำโดยนักประสาทวิทยาชาวอเมริกัน พอล ดีเมคลีน ในปี ค.ศ. 1960 โดยเสนอส่วนประกอบของสมองตามวิวัฒนาการ (และมันก็เกี่ยวเนื่องไปจนถึงการพัฒนาการตามช่วงชีวิตมนุษย์ด้วย) โดยเค้าได้แบ่งสมองออกเป็น สมองส่วนสัตว์เลี้อยคลาน (reptilian complex) ได้แก่ สมองส่วน basal ganglia ที่คุมเฉพาะการเคลื่อนไหว สมองส่วนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุคต้น (paleomamalian comple) ได้แก่ สมองส่วน limbic system คุมอารมณ์และความจำ และ สมองส่วนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุคใหม่ (neomamalian complex) หรือ สมองส่วน neocortex ส่วนสมองเปลือกที่มีความสามารถในการคิดตัดสินใจ และ ภาษา โดยสมองส่วนที่เก่าแก่จะตอบสนองต่อสิ่งเร้า โดยไม่ได้ตรึกตรงและส่งผลบังคับไปยังพฤติกรรม และนี่คือเป้าหมายของข่าวสารดราม่า

ประสาทวิทยาดราม่าแอดดิก

ดราม่าแอดดิก (ไม่ใช่ชื่อเพจดังนะครับ) แต่คือพฤติกรรมการติดข่าวดราม่า มีผลต่อสมองและร่างกายอย่างคาดไม่ถึง เมื่อข่าวสารถูกบรรจุอยู่ในโทรศัพย์มือถือที่หยิบเสพได้ทุกเวลา แม้แต่เสี้ยวนาทีที่มีเวลาและสมองโล่งว่าง การเสพข่าวดราม่าจะการกระตุ้นสารคอร์ติซอลตลอดเวลามีผลต่อระบบร่างกาย จิตใจ สมอง จากการศึกษาด้วยการทำ functional MRI ที่ดูการทำงานของสมองพบว่า การเสพข่าวดราม่า ทำให้สมอง amygdala ที่เป็นสมองส่วนดึกดำบรรพ์ ถูกกระตุ้นต่อเนื่อง และการหลั่งคอร์ติซอลทำให้ สมาธิสั้น ความจำแย่ลง ความเครียดและวิตกกังวลมากขึ้น หากได้ลองสังเกต ตัวเองหรือคนรอบข้าง เราอาจเห็นความเป็นไปของสังคม ดึงเหล่าพลพรรคเสพข่าวดราม่า มาตอบสนองด้วยถ้อยคำที่รุนแรง เครียดและตรึกตรองน้อยลงทุกวัน แต่เรากลับพิมพ์โต้ตอบ หรือ เลื่อนเสพไปอย่างไม่รู้ตัว

นอกจากเนื้อข่าวที่ไม่เป็นผลดีแล้ว การออกแบบแพลตฟอร์ม เราอยู่ในสังคมที่จะเป็นไปแบบไหน แบบที่เรากำลังจะส่งเสริมการเพิ่มประชากรเพราะสังคมกำลังล่มสลายด้านแรงงานอย่างนั้นหรือ

มันเหมือนจะเป็นเรื่องระดับ policy ที่ไม่สะท้อนแค่การเปลี่ยนแปลงแบบปัจเจกบุคคลนะ แต่มันเป็นเรื่องของพฤจิกรรมของคนที่อยู่เป็นสังคม สังคมที่ขับเคลื่อนไปตามคนหมู่มาก

จากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของสมองในเชิงการทำงานและโครงสร้างพบว่า สมองที่เสพข่าวดราม่า โดยเฉพาะข่าว negative drama หรือ ข่าวด้านลบ จะทำให้อารมณ์และการตัดสินใจแย่ลง ไม่เป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น (negative decision making process) ปัญหาคือ ดูเหมือนผู้ที่รู้ถึงผลเสียเหล่านี้ ตามไม่ทัน ศาสตร์และกระบวนการในการดึงความสนใจหนะสิ  นี่เป็นเรื่องสำคัญเลยนะ

Comment

Wannapreneur : ได้แต่ฝันหวาน ได้แต่เพ้อครวญ

Added on December 18, 2023 by Surattanprawate.

ใครฝันอยากเป็นเจ้าของกิจการ แต่ยังกังวลไม่กล้าลงมือทำ นั่นแหละเขาอาจถูกเรียกว่า "Wannapreneur" ซึ่งเป็นคำแสลงติดตลกนิดๆ แต่แฝงนัยแอบแซะคนที่คุยโม้ไอเดียธุรกิจเลิศๆ ไว้พรึ่บ แต่ไม่เคยลงมือทำจริงจัง

Wannapreneur มักมีลักษณะเหล่านี้:

  • ไอเดียบรรเจิดล้นฟ้า แต่ไร้การลงมือ: พวกเขามีแผนธุรกิจสุดอลังการ แต่ขยับตัวสร้างมันขึ้นมากับมือก็ไม่ทำ

  • หลงใหลเสน่ห์ปลอมของการเป็นเจ้าของกิจการ: พวกเขาคลั่งไคล้ภาพลักษณ์การเป็นเจ้านายตัวเอง ร่ำรวยฟู่ฟ่า แต่กลับมองข้ามความยากลำบาก เบื้องหลังความสำเร็จ

  • ขาดทักษะความรู้ที่จำเป็น: พวกเขาอาจไม่มีประสบการณ์หรือความรู้ด้านธุรกิจเลย และไม่ยอมทุ่มเทเวลาเรียนรู้

  • ท้อแท้ได้ง่าย: เจอปัญหาอุปสรรคเล็กน้อยก็ถอดใจ ยอมแพ้แทนที่จะหาทางแก้ไข

แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ฝันอยากมีธุรกิจจะเป็น Wannapreneur เสมอไป บางคนแค่เตรียมตัวอย่างรอบคอบ ค่อยๆ พัฒนาไอเดีย สะสมทรัพยากร ก่อนลงสนามจริง

นี่คือสัญญาณว่าใครกำลังก้าวข้าม Wannapreneur สู่เส้นทางนักธุรกิจตัวจริง:

  • ลงมือจริงจังเปลี่ยนไอเดียเป็นรูปเป็นร่าง: พวกเขาเริ่มเขียนแผนธุรกิจ ทำวิจัยตลาด หรือพูดคุยกับนักลงทุน

  • ไม่หวั่นงานหนัก: พวกเขาพร้อมทุ่มเทเวลา แรงกาย แรงใจ เพื่อปั้นธุรกิจให้เติบโต

  • เรียนรู้เติบโตไม่หยุด: พวกเขาหมั่นหาโอกาสพัฒนาตัวเอง เสริมทักษะความรู้

  • ยืดหยุ่น เข้มแข็ง: พวกเขาไม่กลัวล้ม ไม่ท้อถอย เรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วลุกขึ้นสู้ใหม่

สุดท้ายแล้ว อะไรที่ตัดสินว่าใครเป็น Wannapreneur หรือผู้ประกอบการคือ "การลงมือทำ" หากใครจริงจังกับธุรกิจของตัวเอง สักวันหนึ่งคำพูดจะกลายเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้อย่างแน่นอน

Comment

สร้าง Brand ที่ไม่มี Brand : การตลาดยุคใหม่ ตอบโจทย์คนต้องการความง่ายและชัดเจน

Added on December 17, 2023 by Surattanprawate.

No Brand: ยักษ์เกาหลีที่แอบชิงส่วนแบ่งตลาดด้วยคุณภาพและราคา!

ในโลกที่แบรนด์เต็มไปหมด "No Brand" ดูเหมือนคำขัดแย้ง งง ๆ แต่ในเกาหลี No Brand กำลังมาเงียบ ๆ พิสูจน์ว่าบางที การไม่มีโลโก้กลับเป็นจุดขายแรงสุดก็ได้

เกิดในปี 2015 ใต้ร่มปีก E-Mart ยักษ์ค้าปลีก No Brand เข้าตลาดที่แบรนด์ดังครองเมือง กลยุทธ์? ตัดนู่นแต่งนี่เรื่องการตลาดออก โฟกัสแค่คุณภาพกับราคา สินค้าเรียบ ๆ แพคเกจธรรมดา ไม่หรู ไม่ดารา แต่ราคาถูกกว่าเป็นบ้า!

ผลตอบรับดีเกินคาด คนเกาหลีชอบของถูก No Brand ขายดี! ตอนนี้พุ่งเกิน 800 อย่าง ตั้งแต่ผักสด ขนม ไปยันแพมเปอร์ น้ำยาล้างจาน คุณภาพเกินคาด หลายอย่างผลิตจากโรงงานเดียวกับแบรนด์ดัง แค่เปลี่ยนแพคเกจ

ทำไม No Brand ปัง?

  • คุ้ม! สินค้า No Brand ถูกกว่าแบรนด์ดังเฉลี่ย 20-30%

  • ดีจริง! E-Mart คุมคุณภาพเข้มงวด สินค้า No Brand ปลอดภัย ไร้กังวล

  • แปลกใหม่! No Brand ไม่กลัวลอง มีทั้งออร์แกนิค ปลอดกลูเตน และของพิเศษตามฤดู ตามภูมิภาค

  • ใสสะอาด! ฉลากชัดเจน บอกแหล่งผลิต สร้างความไว้ใจให้ลูกค้า

No Brand ส่งผลไกลกว่าแค่ชั้นวางตัวเอง ทำให้ร้านค้าปลีกเกาหลีแห่ทำ "แบบ No Brand" บังคับแบรนด์ดังต้องปรับตัวเรื่องราคาและคุณภาพ ผู้บริโภคไม่มองแบรนด์อย่างเดียวอีกแล้ว ต้องการของคุ้ม คุ้ม คุ้ม!

แต่ No Brand ไม่หยุดแค่ถูก! กำลังขึ้นเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ เปิดร้านเฉพาะอย่างร้านเรือธง Sinchon ที่คัดของเด็ด พร้อมประสบการณ์สนุก ๆ จับมือดีไซน์เนอร์ ศิลปิน ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์เกาหลี

อนาคต No Brand สดใส พิสูจน์ว่าไม่มีโลโก้ก็เป็นแบรนด์ทรงพลังได้ ด้วยคุณภาพ ราคา และความไว้ใจ No Brand เปลี่ยนโฉมวงการค้าปลีกเกาหลี อาจจะถึงโลกเราเร็ว ๆ นี้!

  • No Brand ฮิตเพราะคนอยากของคุ้ม คุ้ม คุ้ม! ไม่อยากจ่ายแพง

  • แบรนด์เองของร้านดังไม่ใช่แค่ของถูก คุณภาพก็ดีได้

  • แบรนด์ไม่ใช่แค่โลโก้ ต้องสร้างความไว้ใจ ตอบโจทย์ลูกค้า

  • No Brand สอนว่า ต้องปรับตัว เรียนรู้ตลอด อยู่ไหนก็ประสบความสำเร็จได้

การเปรียบเทียบกับ Muji

No Brand และ Muji เป็นแบรนด์ที่คล้ายคลึงกันในแง่ของความเรียบง่าย คุณภาพ และราคาที่คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม ทั้งสองแบรนด์ก็มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการ ดังนี้

  • ความแตกต่างด้านโลโก้: No Brand โดดเด่นด้วยการไม่มีโลโก้ ในขณะที่ Muji เป็นที่รู้จักจากโลโก้วงกลมสีขาวดำ

  • ความแตกต่างด้านสินค้า: No Brand จำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่อาหาร เครื่องดื่ม ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า ในขณะที่ Muji เน้นไปที่สินค้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เสื้อผ้า ของใช้ภายในบ้าน และอุปกรณ์เครื่องเขียน

  • ความแตกต่างด้านกลุ่มเป้าหมาย:No Brand มุ่งเป้าไปที่ผู้บริโภคทั่วไปที่มองหาสินค้าคุณภาพดีในราคาประหยัด ในขณะที่ Muji มุ่งเป้าไปที่ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบและความยั่งยืน

การตลาด เพื่อตอบสนองกลุ่มทึ่ต้องการใช้ของที่มีคุณภาพ ไม่ติด Brand มันก็กลายเป็น Brand ได้แบบนี้นี่เอง

Comment

How to lead : นำอย่างไรให้สำเร็จ

Added on December 16, 2023 by Surattanprawate.

10 บทเรียนจาก How to Lead: Wisdom จาก CEO ผู้ก่อตั้ง และผู้เปลี่ยนเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก โดย David M. Rubenstein และ Simon & Schuster

1. ความเป็นผู้นำที่แท้จริงคือการสร้างแรงบันดาลใจและเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้อื่น ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ไม่เพียงแต่บอกผู้คนว่าต้องทำอะไรเท่านั้น พวกเขาสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาทำให้ดีที่สุดและมอบเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อให้ประสบความสำเร็จ

2. ผู้นำที่มีประสิทธิภาพมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาสามารถสื่อสารเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของตนกับทีมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างชัดเจน และพวกเขาสามารถกระตุ้นให้ผู้อื่นเชื่อในวิสัยทัศน์ของตนได้

3. ผู้นำที่ยิ่งใหญ่มีความเด็ดขาดและมุ่งเน้นการกระทำ พวกเขาไม่คิดมากหรือผัดวันประกันพรุ่ง พวกเขาตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและเด็ดขาดแม้ว่าข้อมูลจะไม่สมบูรณ์ก็ตาม

4. ผู้นำที่มีประสิทธิภาพต้องมีความเห็นอกเห็นใจและมีความเห็นอกเห็นใจ พวกเขาเข้าใจความต้องการและความรู้สึกของสมาชิกในทีม และสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทั้งสนับสนุนและท้าทาย

5. ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะถ่อมตัวและเต็มใจยอมรับความผิดพลาดของตน พวกเขาไม่ได้พยายามเสแสร้งว่าเป็นคนสมบูรณ์แบบ และพวกเขาเปิดกว้างสำหรับการเรียนรู้และการเติบโตอยู่เสมอ

6. ผู้นำที่มีประสิทธิผลสามารถปรับเปลี่ยนได้และสามารถเปลี่ยนแนวทางได้เมื่อจำเป็น พวกเขาไม่กลัวที่จะเปลี่ยนแปลงเมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายหรือโอกาสใหม่ๆ

7. ผู้นำที่ยิ่งใหญ่มีความรู้สึกซื่อสัตย์อย่างมาก พวกเขามีความซื่อสัตย์ มีจริยธรรม และปฏิบัติตามผลประโยชน์สูงสุดของทีมและองค์กรอยู่เสมอ

8. ผู้นำที่มีประสิทธิภาพมีความหลงใหลในงานของตนเอง ความกระตือรือร้นของพวกเขาแพร่กระจายได้ และเป็นแรงบันดาลใจให้ทีมของพวกเขามีความหลงใหลเช่นกัน

9. ผู้นำที่ยิ่งใหญ่สามารถสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับผู้อื่นได้ พวกเขาเป็นผู้ฟังที่ดีและสามารถเชื่อมต่อกับผู้คนในระดับส่วนตัวได้

10. ผู้นำที่มีประสิทธิภาพมุ่งมั่นที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก พวกเขาใช้ทักษะความเป็นผู้นำเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตของผู้อื่น และสร้างโลกที่ดีกว่าสำหรับทุกคน

#bookme

Comment

Zombie Startup

Default Alive or Default Dead : รอวันโต หรือ รอวันตาย - สิ่งที่ผู้ก่อตั้ง startup ต้องรู้ก่อนสาย

Added on December 10, 2023 by Surattanprawate.

ในช่วง 6 ปีทีผ่านมา ผมได้มีโอกาสฟัง การนำเสนอ pitching เป็น coach ให้แก่ start-up หรือ ธุรกิจแบบ SMEs หลายราย ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจนวัตกรรม ที่ต้องการสร้างสิ่งใหม่เข้าสู่ตลาด ตามความฝันที่ถูกผล้กดันด้วยแรงเหวี่ยงของสังคม หรือ ได้ทุนในการพัฒนาตามนโยบายรัฐบาลหรือองค์กรของตัวเอง

ธุรกิจทางสุขภาพ คือธุรกิจส่วนใหญ่ที่ได้มีโอกาสดูแลผ่านโปรแกรมต่าง ๆ เช่น Health Hackatthon, Incubation Program, Coaching student ที่เรียน primary school หรือ คณะด้านการบริหารจัดการนวัตกรรม และ startup หรือ ธุรกิจต่าง ๆ ก็มีตั้งแต่ Ideas, MVP, early business, หรือ growth stage

สิ่งสำคัญที่ได้พบสำหรับผู้ที่ได้ดำเนินธุรกิจ startup หรือ innovation คือ เราจะพบว่า บางธุรกิจนั้น ดูท่าจะไปไม่น่ารอด ในขณะที่บางธุรกิจนั้น มีแนวหรือว่ามันไปได้แน่ ๆ และสิ่งนี้ Paul Graham ผู้ที่เป็น co-founder ของโปรแกรมบ่มเพาะ startup ชื่อดัง Y Combinator ได้กล่าวไว้ว่า มันคือลักษณะของบริษัทที่เป็น บริษัท “Default Alive หรือ รอวันโต” และในทางตรงข้าม อีกบริษัทคือ “Default Dead หรือ รอวันตาย”

เมื่อไหร่จะรู้ว่าฉันรอวันอะไร? Dead or Alive

สิ่งที่สอบถามผู้ประกอบการว่า รู้ไหมว่า ธุรกิจจะรอดหรือไม่ คำตอบส่วนใหญ่สำหรับผู้ที่ตั้งธุรกิจมาระยะนึงแล้วกลับบอกว่า “ไม่รู้” เมื่อถามว่าทำไมไม่รู่ ก็บอกว่า “ยังไม่ได้คิด”

“ในเมื่อคนที่ไม่เคยล้ม เค้าอาจจะไม่รู้ว่า การล้มเจ็บเพียงใด” เฉกเช่นเดียวกับการดำเนินธุรกิจ คนที่ไม่เคยผ่านความท้าทายมาก่อนย่อมไม่ทราบว่า ความท้าทายฝ่าคลื่นมรสุมลมแรงในการทำธุรกิจคืออะไร ทั้งเรื่องการการคาดการณ์ การจัดการทีมงาน การจัดการกระแสเงินสด หรือ การจัดการกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะ ธุรกิจ startup ที่ผู้ก่อตั้งมักคาดการณ์เกินจริง และการดีด feasibility อาจไม่แม่นยำเพราะทุกสิ่งเป็นความใหม่

การคาดการณ์ในระยะ Idea stage และ Prototype

เมื่อทีมมีความคิดและ idea ใหม่ ๆ ในการผลิตนวัตกรรม เพื่อนำไปสู่การพัฒนา prototype หรือ minimally viable product การใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Creative Design Thinking Process) ได้แก่ การประเมินความเป็นไปได้ของการสร้างนวัตกรรม โดยประเมินจาก 3 มุมมองของความเป็นไปได้ ได้แก่ 1) designrability (ความเป็นไปได้ด้านตลาดและความต้องการของผู้ใช้งาน) ( 2) viability (ความเป็นไปได้ทางธุรกิจและผลกำไร) 3) feasibility (ความเป็นไปได้เชิงเทคนิคและการพัฒนา) แต่เมื่อผ่านระยะในการสร้างผลิตภัณฑ์ออกมาแล้ว การคาดการณ์ว่าจะไปรอดไหมจะมีปัจจัยอื่นมาช่วยกำหนดว่าจะโต หรือ จะตายกันแน่

สำหรับ coach แล้ว การรู้ว่า ธุรกิจที่กำลังดำเนินอยู่นั้น เป็น Default Alive หรือ Default Dead เป็นสิ่งสำคัญ

เหตุผลที่ผมอยากรู้ว่าสตาร์ทอัพเป็น Default Alive หรือ Default Dead ก่อนก็คือ การสนทนาที่เหลือขึ้นอยู่กับคำตอบ

  • หากบริษัทเป็น Default Alive เราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งใหม่ที่ทะเยอทะยานที่พวกเขาสามารถทำได้

  • หากเป็น Default Dead เราอาจต้องพูดคุยเกี่ยวกับวิธีการช่วยเหลือบริษัท เราทราบว่าวิถีการในปัจจุบันจะจบลงไม่ดี แล้วพวกเขาจะเปลี่ยนวิถีทางนั้นได้อย่างไร?

สำหรับธุรกิจที่เป็น Default Dead นั้นมีหลายปัจจัย ซึ่งสามารถมีมุมมองในการคาดการณ์จากการทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสิ่งที่สังเกตได้

  • การเติบโตเป็นไปอย่างเนิบช้า บางทีอาจหวือหวาในช่วงแรก แต่แล้วก็ชะลอหรือหยุดการเติบโต

  • มีปัญหาที่มีระยะเวลา หรือ ปัญหาทางเทคนิคที่เกินความสามารถในการแก้ไข

  • ตลาดที่แท้จริงไม่มี

“การเรียนรู้การคาดการณ์ดังกล่าวมีความสำคัญ เพราะผู้ก่อตั้งส่วนใหญ่ มักมองโลกในแง่ดีเกินไป ทำให้เกิดการระดมทุนและการจ้างพนักงานเเกินจริง และเมื่อถึงระยะที่มีสัญญาณบ่งบอกว่า ธุรกิจอาจไปไม่รอด บางทีก็สายเกินแก้จนต้องเลิกกิจการไป”

แน่นอนว่าในโลกของธุรกิจนวัตกรรม มันไม่มีอะไรแน่นอน และการปรับเปลี่ยนมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เหมือนที่เราต่างเรียนกันมาว่า “Pivot” หรือการสร้างผลิตภัณฑ์และนำไปทดสอบตลาดเพื่อนำมาปรับปรุงใหม่นั้นมีความสำคัญ แต่บางทีการขาดการคาดการณ์และการวางแผนที่ดี การปรับเปลี่ยนอาจไม่ทันการ

References

  1. Default Alive or Default Dead : http://paulgraham.com/aord.html

  2. Default Alive >> https://medium.com/swlh/are-you-default-alive-or-default-dead-151118025a13

  3. Founder-compensated startups are default dead >> https://opencoreventures.com/blog/2023-08-founder-compensated-startups-are-default-dead/

  4. Y Combinator Asks Startup Founders To “Plan For The Worst”, Sends 10 Point Survival Strategy >> https://inc42.com/buzz/y-combinator-startup-founders-plan-worst-10-point-survival-strategy/


In Innovation, Business Tags business, Innovation
Comment

Shark Tank, Dragon's Den - What can we learnt from the business pitching reality show?

Added on December 10, 2023 by Surattanprawate.

ใครที่เป็นผู้ประกอบการและทำธุรกิจ ก็คงจะทราบดีว่า มันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ความรู้เรื่องธุรกิจที่สอนกันตาม course ต่าง ๆ ก็ไม่ได้การันตีความสำเร็จ หรือ อาจจะเรียกได้ว่า มันเป็นเพียงแต่ความรู้ที่ใช้ได้บางส่วนกับสนามจริง

หลายคนเห็นคนประสบความสำเร็จ แต่เมื่อมาลงมือทำเอง ความฝันที่สวยหรูวิ่งอยู่บนทุ่งลาเวนเดอร์ก็ผันเปลี่ยนไปเป็น ware zone

ใครเคยดูหนังหรือ series ที่เกี่ยวกับชีวิตการทำธุรกิจ คงเคยได้ดู “Startup”series เกาหลีชื่อดัง ที่ปลอกเปลือกการทำธุรกิจพุ่งแรงกับ drama style เกาหลี ทำให้คนอยากเป็น startup กันเป็นแถว หรือ หนังการก่อร่างสร้างตัวผ่านอุปสรรคของ Itaewon Class กับการเข้าทำกิจการ Cafe ที่ผ่านอุปสรรคทั้งด้านชีวิตและการดำเนินธุรกิจ มันเป็นเรื่องน่าสนุกในหนังแต่ความเป็นจริง ช่างแตกต่าง ไม่งั้นหนัง

Passion + Execution นำไปสู่ Reality และ เมื่อมาทำให้เกิดความสนุกก็กลายเป็น Reality show ที่ประสบความสำเร็จ

เมื่อความจริงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและท้าทาย รายการ reality show อย่าง Shark Tank แท๊งค์ของเหล่าฉลาม ที่นำความหิวกระหายของผู้ประกอบการมา match กับความหิวกระหายของนักลงทุนที่เรียกตัวเองว่า Shark จึงเป็น Reality ที่ได้รับความนิยม

Shark, Dragon and So on: the origin of the business reality

ก่อนที่จะมี Shark Tank ของ US ก็มี Dragon Den ของ UK มาก่อน และ ก่อนจะมี Dragon Den ของ UK ก็มี Tiger Funding ของ Japan มาก่อน

The Original : “Tigers of Money” และ “Tiger Funding”

รายการ Tigers of Money ที่ถูกกล่าวถึงว่าเป็นรายการต้นแบบที่ให้ผู้ประกอบการมานำเสนอธุรกิจของตัวเองแล้วก็มี นักลงทุนเป็นผู้สอบถามข้อมูลเพื่อที่จะตกลงว่าจะลงทุนหรือไม่ โดยเรียกนักลงทุนเหล่านี้ว่า “Tiger” หรือ “เสือ”

“Tigers of Money” สร้างสรรค์โดย Nippon Television โดยหนึ่งในเหตุผลที่ “Tigers of Money” ประสบความสำเร็จอย่างมากในญี่ปุ่นก็คือการได้เข้าถึงจิตวิญญาณของผู้ประกอบการของประเทศ ญี่ปุ่นมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในด้านนวัตกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และงานนี้ถือเป็นเวทีสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการแสดงแนวคิดของตน และรับการสนับสนุนที่จำเป็นในการทำให้แนวคิดดังกล่าวเป็นจริง การแสดงนี้ยังช่วยส่งเสริมแนวคิดเรื่องการกล้าเสี่ยงและความสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการในฐานะตัวขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ

นอกจาก Tiger of Money หรือ ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “Money no Tora” แล้ว ก็ยังมีรายการของญี่ปุ่นที่ลักษณะใกล้เคียงกันคือ “Reiwa no Tora” ซึ่ง streaming ผ่าน Abema TV อีกด้วย

ตัวอย่างรายการ Tiger of Money ที่เป็นต้นแบบให้แก่ รายการ reality ทางธุรกิจอย่าง Dragon Den และ Shark Tank

วิดีโอนี้เป็นตอนที่ 84 ของ "Reiwa no Tora" ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2020 วิดีโอนี้เป็นตอนที่ 84 ของ "Reiwa no Tora" ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2020 ในตอนนี้ นักแสดงจาก "Money no Tora" ดั้งเดิมกลับมารวมตัวกันอีกครั้งและพิจารณาลงทุนใน Tatsuo Uwaguchi ผู้ซึ่งเริ่มต้นธุรกิจเพื่อส่งเสริมภรรยาชาวญี่ปุ่น

“Tiger of Money, Money no Tora” แตกต่างจาก “Reiwa no Tora” ไปบ้างดังแสดงตารางเปรียบเทียบ

ในปี ค.ศ. 2005 Dragon Den มีถิ่นกำเนิดรายการใน UK โดย มีลักษณะโครงการดำเนินรายการคล้ายกับ Tigers of Money ของ ญี่ปุ่น

ใน “Dragons’ Den” ซึ่งมีต้นกำเนิดในสหราชอาณาจักร นักลงทุนถูกเรียกว่า “มังกร” ผู้ประกอบการจะเสนอขายต่อมังกร ซึ่งจะถามคำถามและประเมินข้อเสนอก่อนตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือไม่ ผู้ประกอบการสามารถเจรจากับมังกรเพื่อพยายามให้ได้ข้อตกลงที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับตนเอง

หลังจากรายการได้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม รายการ Business pitching reality ในสหรัฐอเมริกา ก็ถือกำเนิดขึ้นในชื่อ Shark Tank

รายการ Shark Tank กำเนิดขึ้นในปี 2009 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยนักลงทุน แทนที่จะเรียกว่า มังกร แต่ใช้คำว่า ฉลามแทน เพราะสื่อถึงความกระหายในการต่อสู้แย่งชิงกันระหว่างฉลามด้วยกันเอง

ตารางข้างล่าง เปรียบเทียบรายการ Business reality pitching show ของทั้ง 3 รายการ

รายการ Dragon’s Den

รายการ Shark Tank US

แม้ว่ารูปแบบของรายการทั้ง 3 แต่การปรับโทนของรายการ ทำให้เกิดความกระชับขึ้น ตื่นเต้นและเร้าใจขึ้นตามลำดับ โดยส่วนที่มีความแตกต่างกัน มีดังนี้

รูปแบบการเสนอเ: Tiger of Money มีการนำเสนอที่ยาวกว่าพร้อมคำบรรยายมากกว่า ในขณะที่ Dragons' Den และ Shark Tank มักเน้นการนำเสนอที่สั้นและกระชับ เพื่อเน้นความสนุกสนานและพร้อมบทเพลงที่ตื่นเต้นเร้าใจ

รูปแบบการเจรจา: การเจรจาของ Tiger of Money โดยทั่วไปจะตรงไปตรงมาและก้าวร้าวมากกว่า ในขณะที่ Dragon และ Shark อาจมีการพูดคุยไปมามากกว่า

นอกจากนี้ เมื่อมีการนำลิขสิทธิ์ ไปขยายยังต่างประเทศ ก็มีองค์ประกอบเฉพาะทางวัฒนธรรมที่ต่างกัน รวมถึงรูปแบบของธุรกิจด้วย การแสดงแต่ละรายการสะท้อนถึงบริบททางวัฒนธรรมและภูมิทัศน์ทางธุรกิจในภูมิภาคของตน

เราได้ อะไรจากการดูรายการ Business Pitching Reality Show

การได้เรียนรู้อันยิ่งใหญ่ปนความสนุก มันได้ประโยชน์ทั้งตัวผู้ที่อยากประกอบธุรกิจ นักลงทุน หรือแม้แต่คนทั่วไปก็จะได้บทเรียนผ่านกระบวนการสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ไปด้วย โดยในมุมมองของบทบาทต่าง ๆ เราจะได้เรียนรู้

  1. สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการ:

  • การพัฒนาแนวคิดทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง: การแสดงเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีแนวคิดทางธุรกิจที่ชัดเจนพร้อมการนำเสนอคุณค่าและตลาดเป้าหมายที่ชัดเจน

  • การสร้างการนำเสนอที่น่าสนใจ: ผู้ประกอบการสามารถเรียนรู้วิธีสื่อสารแนวคิดทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพในลักษณะที่กระชับและน่าดึงดูด โดยเน้นจุดแข็งที่สำคัญและผลตอบแทนที่เป็นไปได้สำหรับนักลงทุน

  • การเตรียมพร้อมสำหรับคำถามที่ยาก: การแสดงแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการคาดการณ์ความท้าทายและการวิพากษ์วิจารณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากนักลงทุน และเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับปัญหาเหล่านั้นอย่างมั่นใจ

  • การทำความเข้าใจกระบวนการลงทุน: ผู้ประกอบการสามารถรับข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับภูมิทัศน์การลงทุน รวมถึงนักลงทุนประเภทต่างๆ วิธีการประเมินมูลค่า และกลยุทธ์การเจรจาข้อตกลง

  • ความยืดหยุ่นและความอุตสาหะ: การเฝ้าดูผู้ประกอบการเผชิญกับการถูกปฏิเสธและเอาชนะอุปสรรคสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมมีความพากเพียรและมองโลกในแง่ดีในกิจการของตนเอง

    2. สำหรับนักลงทุน:

  • การระบุโอกาสที่มีแนวโน้ม: งานแสดงนี้แสดงให้เห็นถึงธุรกิจที่หลากหลาย ช่วยให้นักลงทุนค้นพบแนวคิดที่เป็นนวัตกรรมและการลงทุนที่มีการเติบโตสูง

  • การประเมินศักยภาพทางธุรกิจ: นักลงทุนสามารถเรียนรู้วิธีประเมินความเป็นไปได้ของแนวคิดทางธุรกิจโดยการพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดตลาด การแข่งขัน การคาดการณ์ทางการเงิน และทีมของผู้ประกอบการ

  • การเจรจาต่อรองและการจัดโครงสร้างข้อตกลง: การแสดงจะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์การเจรจาเพื่อให้ได้ข้อตกลงที่น่าพอใจพร้อมทั้งปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุน

  • การทำความเข้าใจความท้าทายของผู้ประกอบการ: นักลงทุนสามารถเข้าใจความท้าทายและความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการเผชิญอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ส่งเสริมความเห็นอกเห็นใจและสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับผู้ลงทุนของตน

  • การสนับสนุนและให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ: งานแสดงต่างๆ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้การสนับสนุนและการให้คำปรึกษาหลังการลงทุน เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จและสร้างธุรกิจที่เจริญรุ่งเรือง

    3. บทเรียนคนทั่วไป:

  • ความสำคัญของนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์: การแสดงเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงพลังของนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ในการขับเคลื่อนความสำเร็จของธุรกิจ

  • การรับความเสี่ยงที่คำนวณไว้: ผู้ประกอบการที่ต้องการสามารถเรียนรู้ที่จะประเมินความเสี่ยงและตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลรอบด้านในขณะที่ดำเนินธุรกิจของตน

  • การสร้างทีมที่แข็งแกร่ง: การแสดงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการอยู่รายล้อมตัวเองด้วยทีมงานที่มีความสามารถและทุ่มเทเพื่อให้บรรลุความสำเร็จ

  • ความรู้และการวางแผนทางการเงิน: การแสดงเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจแนวคิดทางการเงินและการพัฒนาแผนธุรกิจที่ดีเพื่อให้บรรลุความยั่งยืนทางการเงิน

  • ความหลงใหลและความทุ่มเท: การดูผู้ประกอบการแบ่งปันความหลงใหลและความทุ่มเทสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมบรรลุเป้าหมายและความฝันของตนเองด้วยความมุ่งมั่น

นี่จึงไม่ใช่แค่รายการเรียลลิตี้โชว์ มันเป็นข้อพิสูจน์ถึงจิตวิญญาณของมนุษย์ การเฉลิมฉลองของนวัตกรรม และเป็นสัญญาณแห่งความหวังสำหรับทุกคนที่กล้าที่จะฝันใหญ่และไล่ตามแรงบันดาลใจในการเป็นผู้ประกอบการ

/ อจ.สุรัตน์

In Business Tags business
Comment

Inbound vs Outbound Innovation นวัตกรรมขาเข้า และ ขาออก

Added on August 20, 2023 by Surattanprawate.

Inbound vs Outbound Innovation

ในบริบทของนวัตกรรม Inbound และ Outbound ยังหมายถึงวิธีการที่บริษัทต่าง ๆ เข้าถึงแนวคิดและเทคโนโลยี

• Inbound Innovationเข้ามุ่งเน้นที่การนำความคิด เทคโนโลยี หรือความเชี่ยวชาญจากภายนอกเข้ามาในบริษัทเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการร่วมมือกับบริษัทสตาร์ทอัพ การดำเนินการท้าทายนวัตกรรมแบบเปิด หรือการได้มาซึ่งเทคโนโลยีนวัตกรรมที่พัฒนาโดยผู้อื่น

• Inbound Innovation เกี่ยวข้องกับการค้าหรือการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์เทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ หรือทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทแก่บุคคลภายนอก ทำให้ผู้อื่นสามารถใช้หรือต่อยอดจากนวัตกรรมของบริษัทได้

ที่มา: https://lnkd.in/gzzy27yJ

Comment

Entrepreneur : A Man who undertake Risk, Value and Life

Added on August 20, 2023 by Surattanprawate.

เราคงเคยได้ยินคำว่า entrepreneur หรือ ผู้ประกอบการ และหลายคนก็คิดว่า ผู้ประกอบการก็คือผู้ที่ทำธุรกิจ ซึ่งหากมองลึกลงไป การเป็นผู้ประกอบการ มันลึกลงไปกว่านั้น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงความหมายของชีวิตที่ต้องดำเนินไปเมื่อเป็น ผู้ประกอบการ หรือ entrepreneur ด้วย

Entrepreneur มีรากฐานมาจากภาษาฝรั่งเศส  “entreprendre,” หมายถึง l "to undertake" หรือ เข้ารับผิดชอบ  คำนี้เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 16 และเดิมหมายถึงคนที่ทำโครงการหรือกิจการที่มีความเสี่ยงในระดับหนึ่ง เพื่อส่งต่อคุณค่าเมื่อเวลาผ่านไป มีการพัฒนาเพื่อระบุถึงบุคคลที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางธุรกิจโดยเน้นที่นวัตกรรมและการรับความเสี่ยง

ส่วนเมื่อแปลเป็นภาษาไทย ความหมายอาจจะมีการเปลี่ยนไป เมื่อคำว่า "entrepreneur" แปลไทยว่า "ผู้ประกอบการ" หมายถึง การที่เอากิจการหรือการกระทำต่างๆ มาประกอบกัน ทั้งการสร้างผบิตภัณฑ์และคุณค่า ส่งคุณค่า การทำบัญชี การโฆษณา งานขาย เป็นต้น

Entrepreneur ไม่ใช่แค่การทำธุรกิจเท่านั้น แต่มองลึกลงไปยังชีวิตด้วย

เพราะ เมื่อมองให้ลึกลงไป มันพัฒนาคุณค่าเพื่อช่วยขับเคลื่อนโลก มนุษย์ชาติ และสังคม ด้วยการแก้ปัญหา รวมถึงขับเคลื่อนตัวเองด้วย

แนวคิดการเป็น entrepreneur ขยายไปถึงปรัชญาชีวิตที่ลึกซึ้ง มันรวบรวมวิธีการที่ไม่เหมือนใครเพื่อรับมือกับความท้าทาย โอกาส และการเติบโตส่วนบุคคลที่สามารถกำหนดมุมมองทั้งหมดของการดำรงอยู่

โดยพื้นฐานแล้ว ความคิดของ entrepreneur จะรวมเอาหลักการของนวัตกรรมและความสามารถในการปรับตัวเข้าไว้ด้วยกัน ผู้ประกอบการมองว่าความท้าทายเป็นโอกาสในการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงเป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา ปรัชญานี้สนับสนุนให้บุคคลมองว่าอุปสรรค์ในชีวิตเป็นบันไดไปสู่การพัฒนาและความสำเร็จส่วนบุคคล

entrepreneur มีความรู้สึกแบกรับ ชีวิต พวกเขาตระหนักดีว่าพวกเขามีพลังในการกำหนดชะตากรรมของตนเองและสร้างผลกระทบที่มีความหมาย ความคิดนี้ส่งเสริมการเป็นเจ้าของตัวเลือกและการกระทำของตนเอง ส่งเสริมความรู้สึกของการเสริมอำนาจที่อยู่เหนือขอบเขตของการแสวงหาทางธุรกิจ

แง่มุมที่สำคัญของ entreprebeur mindset คือความยืดหยุ่น เช่นเดียวกับผู้ประกอบการที่ดำเนินไปในภูมิทัศน์ที่คาดเดาไม่ได้ของธุรกิจ พวกเขายังก้าวข้ามความไม่แน่นอนของชีวิตด้วยความแน่วแน่และแน่วแน่ ความพ่ายแพ้ถูกมองว่าเป็นความพ่ายแพ้ชั่วคราวแทนที่จะเป็นอุปสรรคที่ผ่านไม่ได้ มุมมองนี้บ่มเพาะความแข็งแกร่งทางอารมณ์ ทำให้แต่ละคนสามารถฟื้นตัวจากความทุกข์ยากและพยายามต่อไปเพื่อเป้าหมายของตน

นอกจากนี้ ความคิดของ entrepreneur ยังเติบโตอยู่บนการยอมรับความเสี่ยงที่คำนวณได้ ผู้ประกอบการเข้าใจว่าการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทั้งหมดสามารถจำกัดการเติบโตและนวัตกรรมได้ ในชีวิต สิ่งนี้แปลเป็นความเต็มใจที่จะก้าวออกจากเขตสบาย ๆ เพื่อสำรวจดินแดนที่ไม่จดแผนที่ และเปิดรับประสบการณ์ที่สามารถนำไปสู่การเพิ่มคุณค่าและการเปลี่ยนแปลงส่วนบุคคล

ปรัชญาของความคิดของ entrepreneur นั้นขยายออกไปมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว ผู้ประกอบการมักมีความปรารถนาฝังลึกที่จะสร้างคุณค่าให้กับผู้อื่นและมีส่วนร่วมในเชิงบวกต่อสังคม มุมมองนี้แปลเป็นปรัชญาชีวิตที่กว้างขึ้นซึ่งเน้นความเห็นอกเห็นใจ ความรับผิดชอบต่อสังคม และการตระหนักว่าผลกระทบที่มีความหมายสามารถบรรลุผลได้ผ่านการทำงานร่วมกันและความพยายามร่วมกัน

  • อจ สุรัตน์

Comment

Simian crease เส้นลายมือผ่ากลาง ฉลาด ปัญญาอ่อน หรือ กลางๆ

Added on August 12, 2023 by Surattanprawate.

คนเป็น Down syndrome ดาว ซินโดรม จะมั เส้นขวางแบบนี้ เรียก Simian crease มี IQ ที่ต่ำ

แต่ มีงานศึกษาในกลุ่มประชากร หนึ่งพบว่า คนที่มี เส้นผ่ากลางแบบนี้กลับเป็นคนที่มี IQ สูงเกิน 130 และมักมีอาชีพแพทย์ วิศวะ

-> ไม่สติปัญญาไม่ดี แบบ down ก็ เก่งไปเลย ในบางกลุ่มตัวอย่าง (ที่เค้าศึกษานะ ดูประเทศ ขื่อแปลกหน่อย)

แต่คนปกติก็เจอได้อยู่นะฮะ ศิลปินก็มีหลายคน

และ down นี่จะมี หน้าตา เป็น down ด้วยนะฮะ ไม่ใช่ มืออย่างเดียว

อจ สุรัตน์

Comment

วาระสุดท้ายของนักการเมือง

Added on August 12, 2023 by Surattanprawate.

อจ. เคยดูแลนักการเมืองที่ป่วย และเข้าวาระสุดท้ายหลายคน

ท่านนึง เคยต้องคดี เกี่ยวกับค้าไม้เถื่อน ช่องสมองโป่ง นอนเป็นผัก ภรรยา 2 คน ลูกอีกส่วนหนึ่ง มาดูแล ตอนใกล้วาระสุดท้าย มาคุยเรื่องจะแย่งสมบัติกันตลอดเวลา ให้ อจ. declare ว่าสมองเสื่อม จะพยายามทำธุรกรรมแทน แย่งกันไปมา ทั้งที่ คุณนักการเมือง ลืมตา รู้เรื่องขยับไม่ได้ ได้แต่มองแล้วร้องไห้

อีกคน นักการเมือง มีประวัติเสีย แต่รวยล้นฟ้า จะหาหมอที่เก่งที่สุดมาดูแลตัวเอง เพราะ อัมพาตเสียแล้วบอกว่า ขอ อจ. มาดูให้เป็นพิเศษได้ไหม ดูตลอดเวลา แบบตามได้โดยตรง ก็เลยตอบไปว่า หากมาดูคุณลุง คนเดียวนี้ มันแปลว่า อจ. ต้องสละเวลาที่ต้องดู คุณลุงที่มาจากอมก๋อย ป้าที่มาจากดอยอ่างข่าง หรือคนที่ต้องการความช่วยเหลือเพราะโรครุนแรงกว่านะ

เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง

เมื่อร่างกายผุพัง เสียงกระซิบแห่งชีวิต จะมาบอกว่า ชีวิตที่เกิดมานี้ มีความเป็นคนที่มีคุณค่าสมบูรณ์ไหม

ไม่เคยเห็นคนที่ใช้ชีวิตด้วยการขี้โกง ตายดีและมีความสุขก่อนลาโลกสักคนเลยจริงๆ นะครับ

- อจ สุรัตน์

Comment
← Newer Posts Older Posts →
Back to Top